วิธีเอาตัวรอด! เมื่อเรือคายัคคว่ำต้องทำอย่างไร?

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพายเรือคายัคได้เติบโตขึ้นเป็นงานอดิเรกและกีฬาที่คนนิยม ตั้งแต่การตกปลาด้วยเรือคายัคไปจนถึงการพายเรือคายัคในแม่น้ำ ทะเลสาบ แม่น้ำ หรือแม้แต่ออกทะเล หากคุณกำลังวางแผนทริปพายเรือคายัค คุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน การรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยให้คุณปลอดภัย มาเรียนรู้ “วิธีเอาตัวรอด! เมื่อเรือคายัคคว่ำต้องทำอย่างไร?” ในบทความนี้กัน!

หัวข้อหลัก

  • ทำไมเรือคายัคถึงคว่ำ?
  • วิธีป้องกันไม่ให้เรือคายัคของคุณพลิกคว่ำ
  • วิธีเอาตัวรอด! เมื่อเรือคายัคคว่ำต้องทำอย่างไร?
    • วิธีพลิกเรือคายัคกลับขึ้นมาเหมือนเดิม
    • วิธีกลับขึ้นเรือคายัคอีกครั้ง
  • วิธีส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหากจำเป็น
  • สรุป

ทำไมเรือคายัคถึงคว่ำ?

การรู้สาเหตุที่ทำให้เรือคายัคคว่ำสามารถช่วยให้คุณป้องกันความเสี่ยงเมื่อคุณทำกิจกรรมพายเรือคายัคได้ สิ่งแรกที่คุณต้องรู้คือเรือคายัคไม่พลิกคว่ำง่ายๆ แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้มันพลิกคว่ำ ต่อไปนี้คือตัวแปรบางส่วนที่สามารถเพิ่มโอกาสที่เรือคายัคจะพลิกคว่ำได้

การควบคุมเรือที่ไม่ดี
: คุณต้องเข้าใจว่าจังหวะการพายของคุณส่งผลต่อความสมดุลของเรือคายัคอย่างไร หากไม่เข้าใจข้อนี้ คุณจะพบว่าการควบคุมเรือคายัคเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน

น้ำไม่นิ่ง
: เมื่อพายเรือคายัคในน้ำเชี่ยวหรือน้ำที่มีคลื่น โอกาสที่จะพลิกคว่ำจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากน้ำสามารถดันและดึงคุณไปในทิศทางที่ไม่คาดคิดได้

ประเภทของเรือคายัค
: เรือคายัคที่กว้างและหนักจะเสถียรเมื่ออยู่ในน้ำมากกว่า และจะพลิกคว่ำได้ยากมาก ในขณะที่เรือคายัคที่เล็กกว่าและเบากว่าจะมีความสมดุลน้อยกว่าเนื่องจากการลอยตัวที่สูงกว่า ทำให้พลิกคว่ำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในน้ำที่มีคลื่นแรง

วิธีป้องกันไม่ให้เรือคายัคของคุณพลิกคว่ำ

วิธีป้องกันไม่ให้เรือคายัคของคุณพลิกคว่ำทำได้ง่ายกว่าที่คุณคิด ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ทุกครั้งที่คุณออกไปพายเรือคายัค เพื่อความปลอดภัยของคุณ

  1. ใช้เรือคายัคแบบกว้าง: ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น เรือคายัคที่กว้างและหนักมีความจะเสถียรมากกว่า
  2. เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด: ลดการเอี้ยวตัวไปข้างหลังหรือการยืนบนเรือขณะอยู่ในน้ำ
  3. กระจายน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ: พยายามนั้งตรงกึ่งกลางของลำเรือ และวางสัมภาระทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ให้น้ำหนักสมดุลกัน ทั้งห้าหลังและซ้ายขวา
  4. พายต่อไปเรื่อยๆ: ค่อยๆ พายไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาจุดศูนย์ถ่วงในเรือสามารถช่วยให้มั่นคงมากกว่าการลอยอยู่นิ่งๆ
  5. พายตั้งฉากกับคลื่น: การพายเรือแบบมุ่งหน้าหรือเอียงไปทางคลื่นจะช่วยป้องกันไม่ให้คลื่นชนด้านข้างของเรือคายัคซึ่งเป็นสาเหตุให้เรือพลิกคว่ำได้
  6. เรียนรู้วิธีการพายเรือคายัคที่ถูกต้อง คลิ๊ก 4 เทคนิคการพายเรือคายัค – sportallaround

 

วิธีเอาตัวรอด! เมื่อเรือคายัคคว่ำต้องทำอย่างไร?

แม้ว่าเทคนิคที่แอดมินเล่าให้ฟังข้างต้นจะช่วยคุณได้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่เรือคายัคของคุณอาจพลิกคว่ำได้ เพื่อความปลอดภัย คุณจำเป็นต้องรู้ว่าต้องทำอย่างไรหากเรือคายัคของคุณพลิกคว่ำและจะกลับขึ้นเรือคายัคได้อย่างไร จำเคล็ดลับเหล่านี้ไว้เพื่อช่วยเหลือคุณในสถานการณ์ฉุกเฉิน


ตั้งสติของคุณให้ดี

การตื่นตระหนกจะทำให้สถานการณ์แย่ลงเท่านั้น โปรดจำไว้ว่าเรือคายัคของคุณลอยได้ และคุณสามารถกลับขึ้นเรือใหม่ได้ การรักษาสติจะช่วยให้คุณทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อกลับขึ้นเรือได้อย่างปลอดภัย


สวมใส่เสื้อชูชีพและอุปกรณ์เซฟตี้อยู่เสมอ

เสื้อชูชีพช่วยให้คุณลอยตัวได้เมื่อตกลงไปในน้ำ เมื่อเรือคายัคของคุณล่ม นอกจากเสื้อชูชีพแล้ว ถุงลมชูชีพบริเวณหัวเรือและท้ายเรือก็สามารถช่วยให้คุณลอยตัวขึ้นและมีที่ยึดเกาะแทนที่จะเปลืองแรงในการพยายามตะเกียดตะกายขึ้นจากน้ำ

วิธีพลิกเรือคายัคกลับขึ้นมาเหมือนเดิม

  1. ไปที่บริเวณด้านข้างของตัวเรือ
  2. ดันตัวขึ้นแล้วเอื่อมมือไปจับบริเวณหูหิ้วเรือด้านตรงข้ามกับที่คุณอยู่
  3. ทำการเทน้ำหนักตัวลงน้ำเพื่อพลิกเรือกลับขึ้นมา
  4. พลิกเรือสำเร็จ
Unknown
1. ไปที่บริเวณด้านข้างของตัวเรือ
Unknown-2
2. ดันตัวขึ้นแล้วเอื่อมมือไปจับบริเวณหูหิ้วเรือด้านตรงข้ามกับที่คุณอยู่
Unknown-3
3. ทำการเทน้ำหนักตัวลงน้ำเพื่อพลิกเรือกลับขึ้นมา
Unknown-4
4. พลิกเรือสำเร็จ

วิธีกลับขึ้นเรือคายัคอีกครั้ง

  1. ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งจับหูหิ้วเรือด้านใกล้ตัว
  2. ใช้มืออีกข้างเอื้อมไปจับหูหิ้วเรือฝั่งตรงข้าม (ขณะนี้เรือจะอยู่ในลักษณะที่เอียงเข้าหาตัว)
  3. ตีขาในน้ำให้ลำตัวขนานกับน้ำ แล้วทำการพยุงส่วนลำตัวขึ้นเรือ (โดยที่มือ 2 ข้างยังจับอยู่ที่จุดเดิม)
  4. เมื่อลำตัวอยู่บนตัวเรือเรียบร้อยแล้วให้ยกเท้าและส่วนอื่นๆ ขึ้นมาบนตัวเรือ
  5. จัดท่านั่งให้เรียบร้อย
  6. จัดท่านั่งพายให้ถูกต้อง
Unknown-5
1. ใช้มือข้างใดข้างหนึ่งจับหูหิ้วเรือด้านใกล้ตัว
Unknown-6
2. ใช้มืออีกข้างเอื้อมไปจับหูหิ้วเรือฝั่งตรงข้าม (ขณะนี้เรือจะอยู่ในลักษณะที่เอียงเข้าหาตัว)
Unknown-7
3. ตีขาในน้ำให้ลำตัวขนานกับน้ำ แล้วทำการพยุงส่วนลำตัวขึ้นเรือ (โดยที่มือ 2 ข้างยังจับอยู่ที่จุดเดิม)
Unknown-8
Unknown-9
4. เมื่อลำตัวอยู่บนตัวเรือเรียบร้อยแล้วให้ยกเท้าและส่วนอื่นๆ ขึ้นมาบนตัวเรือ
Unknown-10
5. จัดท่านั่งให้เรียบร้อย
Unknown-11
6. จัดท่านั่งพายให้ถูกต้อง

วิธีส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหากจำเป็น

หากคุณมีนกหวีด
เป่านกหวีดสามครั้งสั้นๆ และหยุดชั่วคราว หลังจากนั้นเป่าอีกสามครั้งเพื่อส่งสัญญาณให้ชาวเรือคนอื่นๆ หรือผู้คนในพื้นที่ช่วยเหลือคุณ

หากคุณไม่มีนกหวีด
โบกแขนหรือไม้พายขึ้นไปในอากาศเพื่อส่งสัญญาณให้นักพายเรือคนอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงรับรู้ว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้พวกเขาสามารถสังเกตเห็นและมาหาคุณได้
เพียงปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้คุณก็สามารถพายเรือคายัคได้อย่างปลอดภัย และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไม่ยาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมสวมใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งก่อนทำกิจกรรมทางน้ำ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง การเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างมากในสถานการณ์คับขัน ขอให้คุณมีสติอยู่เสมอ เพื่อให้คุณสามารถทำตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้องและช่วยเหลือตัวเองได้
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการเรือคายัคที่ใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย สามารถติดต่อเราได้ที่ Sport All Around | Bangkok เรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์พร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาคุณอยู่เสมอ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก What to Do If Your Kayak Flips | Kayak Capsized | EZ Dock
ขอบคุณรูปภาพจาก How to get back into a flipped kayak – Hobie Outback

ต้องเตรียมอะไรบ้าง? สิ่งสำคัญสำหรับพายเรือคายัค

กิจกรรมพายเรือคายัคเป็นกิจกรรมทางน้ำยอดนิยมในปัจุบัน ที่ให้ทั้งความสนุกและตื่นเต้นที่ผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติได้อย่างแท้จริง หลายๆ คน ใช้เวลาวันหยุดพักผ่อนไปกับการพายเรือคายัคท่องเที่ยวชมธรรมชาติทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม ดังนั้น ความปลอดภัยและการเตรียมตัวด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การผจญภัยของคุณนั้นสนุกและปลอดภัยที่สุด ในบทความนี้เราจะพูดถึงอุปกรณ์สำหรับพายเรือคายัคที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้คุณพร้อมสำหรับการผจญภัยที่ไม่มีความเสี่ยงและช่วงเวลาแห่งความสุขที่คุ้มค่าที่สุดของคุณ
  1. เรือคายัค
    เมื่อคุณไปพายเรือคายัคสิ่งทีสำคัญที่สุดก็คือเรือคายัคนั่นเอง โดยเรือคายัคนั้นมีหลายรุ่นที่เหมาะสำหรับใช้ออกทริปให้คุณเลือกใช้ตามความต้องการ เราขอยกตัวอย่างเรือคายัค 3 รุ่นยอดนิยม จากแบรนด์ Alpha ที่ครอบคุม ตอบโจทย์การใช้งานของคุณแน่นอน 1)คายัค 1 ที่นั่ง – เหมาะสำหรับการพายเล่นคนเดียว ราคาไม่สูง 2)คายัค 3+1 ที่นั่ง – สามารถนั่งได้สูงสุด 3 คน(เด็กหรือคนตัวเล็กๆ 1 คน) รุ่นที่เหมาะกับการพายทั้งครอบครัวที่สุด หรือจะใช้พายกับเพื่อนก็ดีไม่แพ้กัน และ 3)คายัคใส – ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่สุด ถ่ายรูปสวย ไม่ว่ามุมไหนก็ปัง
  1. ไม้พายเรือคายัค
    สิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรือคายัคเลยก็คือ ไม้พาย นั่นเอง ไม้พายเรือคายัคแบบมีอยู่ 2 แบบหลักๆ คือแบบ 2 ท่อนและแบบท่อนเดียว ในด้านการใช้งานจะมีจุดที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยตรงที่ไม้พายแบบ 2 ท่อนจะสามารถปรับองศาของใบพายให้เหลื่อมกันได้เพื่อการบังคับเรือคายัคได้ง่ายขึ้น
  1. เสื้อชูชีพสำหรับพายเรือคายัค
    ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในทุกกิจกรรม เสื้อชูชีพเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อต้องทำกิจกรรมทางน้ำ คุณควรเลือกเสื้อชูชีพให้มีขนาดพอดีกับตัว ไม่ควรใส่เสื้อชูชีพที่ใหญ่เกิดไป เพราะมันอาจหลุดออกจากตัวได้ง่ายเมื่อคุณพลัดตกน้ำ
  1. น้ำและของว่างระหว่างพายเรือคายัค
    เมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน การเติมน้ำให้ร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ อย่าลืมพกกระบอกน้ำ หรือขวดน้ำเปล่าไว้คอยจิบระหว่างวัน เพื่อป้องกันอาการฮีทสโตรกหรือการเป็นลมแดด และหากต้องพายเป็นเวลานาน ขอแนะนำให้คุณพกของว่างไว้เพื่อเติมพลังระหว่างการทำกิจกรรมด้วย
  1. อุปกรณ์กันแดดระหว่างพายเรือคายัค
    การทำกิจกรรมกลางแจ้ง อย่าลืมป้องกันตัวของคุณจากแสงยูวี ทั้งศรีษะ ผิวหน้าและผิวตัว รวมถึงสายตา ต่างก็เป็นส่วนสำคัญที่คุณควรที่จะป้องกันและดูแล หมวก แว่นตากันแดด ครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรเตรียมเอาไว้ด้วย นอกจากนี้พัดลมขนาดพกพายังเป็นตัวช่วยคลายร้อนที่จะช่วยให้กิจกรรมพายเรือคายัคของคุณสนุกไม่มีตกอีกด้วย
  1. กระเป๋าเก็บของกันน้ำสำหรับกิจกรรมพายเรือคายัค
    เมื่อต้องทำกิจกรรมทางน้ำ อาจเกิดเหตุสุดวิสัยให้น้ำเข้าเรือทำให้สัมภาระของคุณเปียกน้ำและเกิดความเสียหายได้ กระเป๋าเก็บของกันน้ำจึงมีประโยชน์กับคุณอย่างมาก เพื่อรักษาสัมภาระและของมีค่าของคุณให้ปลอดภัยอยู่เสมอ
การเตรียมตัวก่อนทำกิจกรรมพายเรือคายัคเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรทำเพื่อให้สนุกไปกับการผจญภัยโดยปลอดภัย เรือคายัคที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ไม้พายที่ใช้งานได้อย่างถนัด เสื่อชูชีพขนาดพอดีตัว น้ำดื่มและของว่างเพื่อเติมพลังระหว่างพาย อุปกรณ์กันแดดเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ และกระเป๋าเก็บของกันน้ำเพื่อเก็บรักษาอุปกรณ์อื่นๆ ที่เหมาะสมจะช่วยให้กิจกรรมนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่มีความประทับใจและปลอดภัย ให้คุณเพลิดเพลินกับการพายเรือคายัคอย่างเต็มที่

4 เทคนิคการพายเรือคายัค

การพายเรือคายัคเป็นกีฬาทางน้ำอันดับต้นๆ ที่คนทุกเพศทุกวัยชื่นชอบ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือนักพายเรือที่มีประสบการณ์ การเรียนรู้เทคนิคการพายเรือคายัคขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับประกันความปลอดภัยและสนุกสนานของคุณ ในบทความนี้ เราขอแนะนำ 4 เทคนิคการพายเรือคายัค เพื่อให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นพายเรือคายัคได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

1. การนั่งเหยียดขาไปกับพื้นเรือ
การเหยียดขาไปกับพื้นเรือและใช้ไม้พายเรือ สลับพาย ซ้าย-ขวา
ขาทั้งสองข้างจะเกิดการถีบสลับกับมือที่พาย การพายแบบนี้จะเกิดแรงส่ง
ทำให้การพายง่ายยิ่งขึ้น และมีความเร็วที่มากขึ้นอีกด้วย

2. การถอยหลัง
การพายถอยหลัง ให้เราจุ่มไม้พายลงน้ำจากข้างหลัง และดันพายไปด้านหน้า
สลับ ซ้าย-ขวา คู่กับการบิดเอวและลำตัว จะทำให้พายได้ง่ายขึ้นมากขึ้น

3. การเบรก
ให้เพื่อนๆ นำไม้พายจุ่มลงในน้ำด้านใดก็ได้ จุ่มค้างไว้แบบนั้น
เพียงเท่านี้เรือคายัคก็จะชะลอความเร็วลง ใช้วิธีการจุ่มใบพายสลับด้าน
หากจุ่มไม้พายค้างแค่ด้านใดด้านหนึ่ง หัวเรืออาจเลี้ยวได้

4. การเลี้ยวเรือคายัค ซ้าย-ขวา
การเลี้ยวซ้าย ให้เราใช้ไม้พายลงน้ำด้านขวา และพายด้านเดียว
ใช้วิธีกวาดไม้พายให้กว้างๆ พายแบบนี้ซ้ำๆ เรือก็จะเลี้ยวไปตามต้องการ
การเลี้ยวขวา ให้เราใช้ไม้พายลงน้ำด้านซ้าย และพายด้านเดียว
ใช้วิธีกวาดไม้พายให้กว้างๆ พายแบบนี้ซ้ำๆ เรือก็จะเลี้ยวไปตามต้องการ

ข้อควรระวัง
เพื่อความสนุกและความปลอดภัยสูงสุด การเล่นกีฬาทางน้ำควรใส่อุปกรณ์เซฟตี้อย่างเคร่งครัด สวมใส่เสื้อชูชีพ และควรตรวจเช็คอุปกรณ์ที่จะลงพายให้ดี ไม่ควรขึ้นเรือให้น้ำหนักเกินที่เรือกำหนดเพราะจะทำให้เรือจมได้ หากมีรอยแตกหรือรั่วให้เปลี่ยนไปใช้เรือลำอื่น และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโดยด่วน เพื่อปรับปรุงแก้ไขทันที

สอนขั้นตอนวิธีดูแลรักษา Trolling Motor หลังใช้งาน

การดูแลรักษา Trolling Motor หลังจากใช้งานแล้วเป็นสิ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของมันให้ยาวนานมากขึ้น นอกจากช่วยให้มอเตอร์ยังทำงานได้ดี แล้วยังช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดเหมือนใหม่ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพทุกครั้ง วันนี้ทีมงานเลยมาแนะนำ วิธีดูแล Trollig Motor หลังใช้งานเสร็จง่ายๆ เพื่อจะช่วยให้มันสามารถใช้งานได้คุ้มค่า

แบตเตอรี่ที่ใช้

Trolling Motor ที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ที่ใช้ แบตเตอรี่ต้องชาร์จไฟให้เต็ม เพราะการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดไปโดยไม่ชาร์ตนั้นจะทำให้มันมีอายุการใช้งานที่ลดลง และในกรณีที่ไม่ได้ใช้งานเราขอแนะนำให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากมอเตอร์

“ตรวจสอบบริเวณขั้วทุกครั้ง สามารถทำความสะอาดด้วยแปรงลวด ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายเรือยานยนต์ทั่วไปเลย”

ตรวจสอบใบพัดทุกครั้ง

ต่อมาที่เราต้องดูแลก็คือส่วนของใบพัดของ Trolling Motor ที่เป็นส่วนที่เกิดแรงเสียดสีอย่างมากขณะใช้งาน จึงจำเป็นต้องบำรุงรักษาอย่างดี เพราะใบพัดที่ชำรุดจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเดินเรือให้ลดลงอย่างแน่นอน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วใบพัดจะทำจากวัสดุที่ทนทาน แต่เราก็ต้องตรวจสอบให้มันมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่เสมอ โดยส่วนใหญ่ใบพัดมักจะมีรอยขีดข่วนหลังจากใช้งานดังนั้น

“การดูแลสามารถทำได้ง่ายๆ แค่ใช้กระดาษทรายขัดถูเบา บริเวณขอบให้เรียบ เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีอยู่เสมอ”

ตรวจสอบส่วนเพลาว่ามีอะไรติดพันอยู่หรือไม่

ส่วนสุดท้ายสำหรับ วิธีดูแล Trolling Motor ก็คือส่วนเพลาที่เราอาจจะละเลยได้ง่ายๆ แต่เป็นส่วนที่ส่งผลต่อการเดินเรือตรงๆ เลย ดังนั้นหลังจากใช้งานเสร็จจึงควรตรวจสอบว่ามีเศษไม้ เศษเชือกหรือเศษเบ็ดติดอยู่หรือไม่ทุกครั้งที่ใช้งานเพราะ

“เศษไม้ เศษเชือกหรือเศษเบ็ดที่ติดพันอยู่ตรงเพลา สามารถส่งผลให้การทำงานของ Trolling Motor ติดขัดได้”

ของพวกนี้สามารถลดประสิทธิภาพการทำงานของ Trolling Motor ให้ลงอย่างมาก หลังจากการใช้งานปกติ 20 ชั่วโมงผ่านไปควรถอดใบพัดออกมาเพื่อนำเศษซากทั้งหมดออกจากมา

วิธีดูแลรักษา Trolling Motor

  1. รักษารอบการใช้งานของแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพเช่นเดิม เพื่อการใช้งานได้ยาวนานตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่ายังปกติและไม่ได้รับความเสียหาย
  2. ตรวจสอบใบพัดดูว่ามีความเสียหายหรือไม่ และขัดทำความสะอาดด้วยกระดาษทราย
  3. ตรวจสอบเพลาขอมอเตอร์ว่ามีอะไรติดอยู่หรือไม่

เป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับ วิธีดูแล Trollig Motor  ที่เราแนะนำให้ทุกคนทำตามเพื่อคุณจะสามารถใช้งาน Trollinf Motor ที่ซื้อไปได้อย่างคุ้มค่า ใช้งานได้อย่างยาวนาน ผ่อนคลายกับการตกปลาที่ชอบได้อย่างเต็มที่ โดยไม่เกิดปัญหาอื่นขึ้นมากวนใจ หรือใครที่อยากได้ Trolling Motor ตัวใหม่อยากจัดเพิ่มสามารถเลือกดู HK Motor Guide ได้ ทุกตัวนอกจากจะมีประสิทธิภาพเดินเรือได้ดี เงียบไร้เสียงรบกวนแล้ว ยังมีข้อดีในเรื่องวัสดุที่ทนทาน ใช้งานได้อย่างครอบคลุมแน่นอน ดูสินค้า Trolling Motor ได้ที่นี่ 

แนะนำพื้นฐานวิธีจับการลูกแบดให้ถูกต้องท่าสวย

รู้ไหมว่าการส่งลูกให้ดีระหว่างเล่นแบดมินตันมันต้องเริ่มจากการจับลูกให้ถนัด เข้ากับมือของเราที่สุด แต่ก็จะมีท่าพื้นฐานง่ายๆ ที่เราอาจจะทำตามเพราะเห็นคนส่วนใหญ่จับแบบนั้น โดยอาจจะละเลยไปว่าท่าทางที่ถูกต้องจริงๆ มันเป็นยังไง วันนี้เราเลยถือโอกาสจะมาแนะนำเพื่อนๆ ถึงท่าทางที่ใช้สำหรับ จับลูกแบด ให้ถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพของการส่งลูก ลองปรับท่าทางเล็กๆ น้อยๆ จากเดิมที่เราอาจจะเผลอทำผิดมาโดยตลอดก็ได้

สำหรับการจับลูกแบดมินตันนั้นที่นิยมสำหรับการส่งลูกมีทั้งหมด 3 ท่าหลักๆ ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันก็จะมีการจับแบบรูปถ้วย และการจับแบบปากคีบ ที่เมื่อมองผ่านเราก็จะรู้สึกว่ามันคือท่าทางที่เรามักใช้เป็นปกติ เพียงแต่วันนี้เราจะมาดูดีเทลเล็กๆ น้อยของแต่ละท่า และปรับเปลี่ยนมันให้ถูกต้องสมบูรณ์กัน

การจับแบบแบบรูปถ้วย

การจับแบบรูปถ้วยนี้จะนิยมใช้สำหรับการส่งลูกจากหน้ามือ โดยผู้เล่นจะใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้สำหรับการประคองลูกที่บริเวณปลายลูก ส่วนนิ้วกลางให้ใช้สำหรับประคองที่ส่วนก้านของลูกแบดมินตันวางไว้ตรงบริเวณเชือกเส้นบน การจับแบบนี้จะใช้นิ้วประคองทั้งหมด 3 นิ้วเท่านั้นลักษณะของมือแบบนี้จะเหมือนกับกำลังถือถ้วยนั้นเอง

การจับแบบปากคีบที่ก้านลูกแบดมินตัน

การจับแบบปากคีบนี้จะนิยมใช้สำหรับการส่งลูกจากหลังมือ โดยการจับแบบนี้ถ้ามองดูผ่านๆจะเหมือนกับเราจับลูกขนไก่อยู่ทั้งลูก ท่านี้ผู้เล่นจะผู้เล่นใช้นิ้วโป่งและนิ้วชี้คีบที่ปลายลูกขนไก่ เหมือนใช้ทั้ง 2 นิ้วทำเป็นครีบหนีบลูกแบดมินตัน ส่วนที่อีก 3 นิ้วนั้นไม่ต้องจับลูก แค่ประคองไว้ข้างล่างในลักษณะแบบนี้เท่านั้น

การจับแบบปากตีบเฉพาะส่วนปลายเท่านั้น

สุดท้ายเป็นการจับแบบปากคีบเฉพาะส่วนปลายลูก ใช้สำหรับการส่งลูกจากหลังมือ การจับแบบนี้ผู้เล่นจะใช้นิ้วโป่งและนิ้วชี้คีบเฉพาะส่วนปลายลูกส่วนอีก 3 นิ้วที่เหลือไม่ต้องสัมผัสลูกแบดมินตันเลยใช่แค่นิ้วโป่งและนิ้วชี้เท่านั้น

แต่ถึงจะมีท่าทางในการ จับลูกแบด ที่ดีและถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องมั่วแต่เล็งท่าให้ถูกจนไม่สนุกกับการแข่งขัน ไม่ว่าจะจับลูกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดส่วนบุคคุลที่ควรฝึกฝนให้ชินและชำนาญ แต่ลูกแบดมินตันที่ได้คุณภาพ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการตี ลองใช้ลูกแบดมินตันที่ผลิตจากขนเป็นที่ได้คุณภาพอย่าง Dmantis ที่ให้วิถีของลูกที่ดี แรงส่งที่ควบคุมง่าย และยังทนทานกว่าทั่วไปถึง 3 เท่า ดูรายละเอียดสินค้า 

วิธีการดูแล SUP แบบสูบลมฉบับง่าย ๆ แบบเบื้องต้น

ซื้อ SUP มาทั้งทีก็ต้องดูแลรักษาให้ถูกวิธีกันหน่อย จะได้เป็นการยืดอายุการใช้งาน SUP คู่ใจของคุณให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น วันนี้เราเลยจะพาไปดู วิธีการดูแล SUP สูบลม ฉบับพื้นฐานง่ายๆ ที่แนะนำเลยว่าถ้าทำตามนี้ให้ได้ทุกครั้งที่พายเสร็จ ก็ช่วยให้ SUP อยู่ผจญภัยไปกับคุณได้อีกนาน

1. ล้างทำความสะอาดหลังใช้งาน

ข้อแรกง่ายมากและเป็นอะไรที่เบสิคพื้นฐาน ที่หลายคนอาจจะเผลอละเลยไม่สนใจ หรืออาจจะแบบเร็วๆไม่ใส่ใจกันได้ เราทุกคนต่างใช้ SUP อย่างเต็มที่เสมอ ในทุกที่ที่เราอยากไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม

“หลังจากการใช้งานเสร็จ อย่าลืมล้างทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อกำจัดคราบสกปรก เศษดิน ทราย ที่ติดอยู่บน SUP”

โดยวิธีการล้างที่เราแนะนำง่ายๆ คือการล้างด้วยน้ำสะอาด สามารถใช้พวกน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำสบู่อ่อนๆ บ้างเป็นบางครั้ง แต่อย่างน้อยทุกครั้งหลังจากใช้น้ำให้ล้างทำความสะอาด SUP ด้วยน้ำสะอาดเสมอ

2. ไม่ลาก SUP ไปกับพื้น

สำหรับการใช้งาน SUP แบบสูบลมนั้นส่วนใหญ่เราก็มักจะไปสูบลมในพื้นที่ที่ใกล้กับจุดลงที่สุดกันอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหา

“แต่ก็อาจจะมีบ้างเป็นบางครั้งเวลาที่เราจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย SUP
เราอาจจะเผลอลาก SUP ไปมาโดยไม่ได้ใส่ใจ

ถ้าเป็นพื้นที่มีเศษหินหรือของมีคมต่างๆ ก็อาจจะทำให้ SUP เสื่อมสภาพได้เร็ว วิธีการดูแล SUP สูบลม พื้นฐานก็คือเวลาที่เคลื่อนย้ายบอร์ดให้ถือหิ้วปกตืจะดีที่สุด

3. ถ้าพบรอยรั่วก็อุด

ปกติแล้ววัสดุสำหรับผลิต SUP แบบสูบลมนั้นจะออกแบบมาให้มันค่อนข้างทนทานในระดับนึงอยู่แล้ว เพียงแต่อุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้

“ในเวลาที่ SUP ของคุณอาจจะไปชนกระแทกกับอะไรมาแล้วเกิดรอยรั่ว
ถ้ารู้ตำแหน่งก็ให้อุดและจัดการให้เรียบร้อย อย่าปล่อยมันทิ้งไว้”

ซึ่งโดยทั่วไปชุดอุปกรณ์สำหรับการซ่อมบำรุงจะมีอยู่ในเซ็ตอยู่แล้ว ดังนั้นอย่านำ SUP ไปใช้งานทั้งๆ ที่มีรอยรั่วที่ไม่ได้จัดการ เพราะมันอาจจะเป็นทางที่ทำให้น้ำสามารถซึมเข้าไปด้านในของ SUP ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อรา ความชื้นต่างๆ และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาได้

4. อย่านำ SUP ไปตากแดดโดยไม่ใช้งาน

สำหรับ SUP แบบสูบลมนั้นไม่ควรสูมทิ้งไว้กลางแดดโดยที่ไม่ได้เอาไปลงน้ำ เพราะอุณภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้แรงดันภายใน SUP มากขึ้นได้ ถ้าเป็น SUP ที่ไม่ได้คุณภาพก็อาจจะเกิดรอยรั่ว หรือรอยปริแตกจากแรงดันสูงๆ ภายใน

“ดังนั้นถ้าไม่ได้เอาลงไปพายในน้ำก็ไม่จำเป็นต้องสูบลมตากแดดทิ้งไว้
แต่สำหรับการใช้งานขณะพายสามารถอัดแรงดันตามที่เหมาะสมได้”

เพราะขณะที่พาย อยู่บนผิวน้ำนั้น น้ำจะช่วยลดอุณหภูมิให้กับ SUP อยู่แล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าอุณหภูมิจะสูงเกินไป

ทั้งหมดนี่คือ วิธีการดูแล SUP สูบลมฉบับง่ายๆ สั้นๆ ที่ต้องทำทุกครั้งที่ใช้งานเสร็จเพื่อ SUP ของคุณจะสามารถมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น ไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาที่ควร และถึงแม้จะเป็นอะไรที่ง่ายๆ แต่ก็มักถูกละเลยทุกครั้ง ดังนั้นอย่าลืมดูแล SUP ทุกครั้งหลังใช้งานโดยเด็ดขาด