Stiffness ของบอร์ด คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?

Stiffness ส่งผลต่อการพายอย่างไร

Stiffness ของบอร์ด เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะส่งผลต่อการพายบอร์ดโดยตรง Stiffness คือค่าที่จะบอกถึงความแข็งของบอร์ด บอร์ดที่มี Stiffness ที่ดี จะไม่เกิดการแอ่นเมื่อเราขึ้นไปยืน ส่วนบอร์ดที่มี Stiffness ไม่ดี จะเกิดการแอ่นเมื่อเราขึ้นไปยืน

Stiffness ไม่ดี – บอร์ดแอ่น = บอร์ดจะมีการต้านน้ำมากกว่าปกติ ทำให้ความเร็วลดลง ต้องออกแรงพายมากขึ้น

Stiffness ดี – บอร์ดไม่แอ่น = บอร์ดไหลเร็วขึ้น ออกแรงพายน้อย ทำให้ไม่เหนื่อย

ค่า Stiffness หายังไง?

Stiffness ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย จึงต้องมีวิธีการวัดที่เป็นมาตรฐานและใช้ได้กับบอร์ดทุกประเภท

ในบทความนี้เราขอเสนอวิธี “คำนวณค่า Sag” ซึ่งเป็นวิธีการวัด Stiffness ที่ง่ายที่สุด และเห็นภาพมากที่สุด โดยมีวิธีการดังนี้

1.วางบอร์ดไว้บนฐานวางบอร์ด ซึ่งมีระยะห่างระหว่างกัน 6 ฟุต เพื่อให้กึ่งกลางของบอร์ดลอยอยู่เหนือพื้น

2.มาร์คจุดกึ่งกลางของก้นบอร์ดและพื้นด้านล่างให้ตรงกัน

3.วัดความสูงตั้งแต่ก้นบอร์ดจนถึงพื้น

4.นำน้ำหนัก 60 kg. มาวางถ่วงไว้ บริเวณกลางบอร์ด หรือ บริเวณที่เรายืนเป็นประจำ

5.วัดความสูงตั้งแต่ก้นบอร์ดจนถึงพื้นอีกครั้งที่ตำแหน่งเดิม

6.นำค่าความสูงทั้ง 2 ค่า มาลบกัน จะได้ออกมาเป็นค่ Sag

** ยิ่งค่า Sag น้อย = Stiffness ดี = บอร์ดแอ่นน้อย **

เนื่องจากบอร์ดแต่ละประเภทมีค่า Stiffness แตกต่างกันไป เราจึงขอยกตัวอย่างการหาค่า Stiffness ของบอร์ด 3 ประเภท โดยใช้ความดันสูงสุดที่บอร์ดรองรับได้คือ 15PSI

1. Orange SUP บอร์ด 1 ห้องลม(Single Chamber) = บอร์ดยุบตัว 3 cm
2. Aztron TERRA บอร์ด 2 ห้องลม(Double Chamber) = บอร์ดยุบตัว 1.9 cm
3. Aztron APUS บอร์ดแข็ง(Hard Board) ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ = บอร์ดยุบตัว 0.3 cm

สรุปค่า Stiffness ของบอร์ด 3 ประเภท

บอร์ดแข็ง(Hard Board) > บอร์ด 2 ห้องลม(Double Chamber) > บอร์ด 1 ห้องลม(Single Chamber)

ง่ายๆ เพียงเท่านี้ทุกคนก็สามารถวัดค่า Stiffness ด้วยตัวเองได้แล้ว แน่นอนว่าบอร์ดแข็งย่อมมี Stiffness ที่ดีกว่าบอร์ดลม ด้วยวัสดุและประสิทธิภาพที่สูงของมัน แต่มันก็มีข้อจำกัดด้านการพกพา บอร์ด 2 ห้องลมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการบอร์ดที่พกพาสะดวกและมี Stiffness สูง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสนุกในการพาย SUP ของคุณ เพราะ Stiffness ที่ดี จะช่วยให้บอร์ดไหลเร็วขึ้น ทำให้คุณออกแรงพายน้อย ส่งผลให้ไม่เหนื่อยช้ากว่าเดิม

Double Chamber มาตรฐานความปลอดภัยด้วยระบบ 2 ห้องลม คือ ส่วน Inner Chamber บริเวณส่วนกลางของบอร์ด เพื่อความปลอดภัยของผู้เล่นเมื่อบอร์ดส่วนด้านนอกเกิดการรั่ว บอร์ดด้านในก็ยังคงลอยตัวอยู่ได้อย่างปลอดภัย และเพิ่ม Stiffness ให้กับบอร์ดมากขึ้นถึง 30%

หากคุณต้องการคำปรึกษาหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม รวมถึงหากสนใจบอร์ด SUP สูบลมแบบ 2 ห้องลม ของ Aztron สามารถติดต่อเราได้ที่ Sport All Around | Bangkok เรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำคุณเสมอ

SUP Board สามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปทรงหลักๆ

1. All-round
2. Touring
3. Racing

1. ความเสถียร : ความยาก-ง่ายในการทรงตัว
2. ความคล่องตัว : ความสะดวกในการเลี้ยวและควบคุมทิศทาง
3. Tracking : ความตรงของบอร์ดต่อการพาย 1 ครั้ง หากพายแล้วบอร์ดเอียงน้อย = Tracking ดี
4. ความเร็ว

SUP Board 3 รูปทรง ต่างกันอย่างไร?

1. SUP Board ทรง All-round

• **ความเสถียร : ทรงตัวง่ายที่สุด เสถียรที่สุด เพราะมีพื้นที่สัมผัสน้ำเยอะ เหมาะกับมือใหม่ที่พึ่งเริ่มเล่น ความเร็วไม่มาก ทำให้ฝึกพายได้ดี ช่วยให้มือใหม่พายเป็นได้ไวที่สุด
• **ความคล่องตัว : มีความคล่องตัวสูงที่สุด เนื่องจากบริเวณหัวและส่วนท้ายมีความโค้งมน ทำให้บอร์ดไหลไปบนน้ำได้ดีที่สุด ไม่แหวกน้ำหรือคลื่นมากจนเกินไป ช่วยให้เลี้ยวควบคุมทิศทางได้ง่ายกว่าบอร์ดรูปทรงอื่น
• Tracking : Tracking น้อยกว่าทรงอื่นๆ เพราะขอบโค้งมน ทำให้บอร์ดไหลไปบนน้ำได้ดีกว่าการแหวกน้ำ
• ความเร็ว : ความเร็วน้อยที่สุด เพราะเน้นการพายเรื่อยๆ และเน้นการทรงตัวได้ง่าย

ให้คะแนน SUP Board ทรง All-round

2. SUP Board ทรง Touring

• ความเสถียร : ทรงตัวยากกว่าและมีความเถียรน้อยกว่าบอร์ดทรง All-round เล็กน้อย เพราะมีส่วนหัวที่แหลม ทำให้พื้นที่สัมผัสน้ำน้อยลง แต่ก็สามารถทรงตัวได้ไม่ยากมาก
• ความคล่องตัว : ความคล่องตัวน้อยกว่าบอร์ดทรง All-round เล็กน้อย เพราะเป็นบอร์ดที่เน้นใช้พายระยะไกล เน้นการพายทางตรงมากกว่าการเลี้ยวไปเลี้ยวมา
• Tracking : Tracking ปานกลาง ถูกออกแบบมาให้ใช้พายท่องเที่ยว เน้นพายระยะทางไกล ด้วยรูปทรงที่มีความเรียวทำให้บอร์ดมี Tracking ดีในระดับหนึ่ง
• ความเร็ว : ทำความเร็วได้ดี มีแรงต้านน้ำน้อยกว่าบอร์ดทรง All-round

3. SUP Board ทรง Racing

• ความเสถียร : ทรงตัวยากที่สุด ความเสถียรสู้ทรงอื่นๆไม่ได้ เพราะตัวร์บอร์ดที่แคบ ถูกออกแบบมาให้แหวกน้ำได้ดีเพื่อทำความเร็ว
• ความคล่องตัว : ความคล่องตัวต่ำ เพราะเน้นใช้พายทางตรงและการทำความเร็วเป็นหลัก ความแคบและแหลมทำให้บอร์ดสูญเสียความคล่องตัวไป
• **Tracking : Tracking ยอดเยี่ยม ด้วยรูปทรงของบอร์ดที่ยาวและแคบมากกว่าบอร์ดรุ่นอื่นๆ รวมถึงหัวที่มีความแหลม ทำให้บอร์ดแหวกไปบนน้ำ และสามารถวิ่งอยู่ในไลน์ได้ดีกว่าบอร์ดทรงอื่นๆ
• **ความเร็ว : ความเร็วสูง เพราะถูกออกแบบมาให้ใช้ในการแข่งขัน ที่ต้องใช้ความเร็ว

สรุปลำดับสมรรถภาพของบอร์ดแต่ละรูปทรง

1. ความเสถียร All-round > Touring > Racing
2. ความคล่องตัว All-round > Touring > Racing
3. Tracking Racing > Touring > All-round
4. ความเร็ว Racing > Touring > All-round

เป็นอย่างไนกันบ้างกับบอร์ด SUP ทั้ง 3 รูปทรง บอร์ดทรง All-round เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเสถียรมั่นคง บอร์ดทรง Touring เหมาะสำหรับสายพายระยะทางไกล และ บอร์ดทรง Racing เหมาะสำหรับนักพายมืออาชีพที่เน้นทำความเร็วเป็นหลัก ถ้าใครต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเห็นภาพตัวอย่างชัดเจนขึ้น สามารถดูในคลิปด้านล่างเพิ่มเติมได้เลย

อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อบอร์ดเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน และมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการพาย หากใครยังตัดสินใจไม่ได้หรือมีข้อสงสัยต้องการสอบถามก็สามารถติดต่อเราได้ที่ Sport All Around | Bangkok เรามีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำคุณเสมอ

6 อุปกรณ์พาย SUP ที่ขาดไม่ได้

1. SUP Board
2. SUP Fin
3. ไม้พาย SUP
4. สาย Leash
5. เสื้อชูชีพ หรืออุปกรณ์ช่วยพยุงตัว PFD
6. กระเป๋ากันน้ำ

1. SUP Board : บอร์ดยืนพาย

• SUP ไม่จำเป็นต้องอาศัยคลื่นในการเล่น
• สามารถเล่นได้ในทุกแหล่งน้ำ และทุกสภาพน้ำ
• เริ่มต้นเล่นได้ง่าย

ลักษณะของบอร์ด SUP SUP จำเป็นจะต้องลอยน้ำได้อย่างเสถียรในขณะที่มีคนยืนพายอยู่ข้างบน จึงมีเรื่องของ Volume เข้ามาเกี่ยวข้องในการดีไซน์และการผลิต ซึ่ง Volume นี้ก็จะเกี่ยวพันกับน้ำหนักตัวผู้พายและลักษณะการใช้งานด้วย

โดย SUP จะสามารถแบ่งออกกว้างๆ ได้ 2 ประเภท คือ 1)บอร์ดแบบสูบลม(Inflatable Board) และ 2)บอร์ดแข็ง(Hard Board) ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของการใช้งานและการจัดเก็บ

แต่ถ้าแยกประเภทบอร์ดตามการใช้งาน จะแบ่งได้อีก 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 1)All round 2)Touring และ 3)Race ที่มีความแตกต่างทั้งรูปร่างหน้าตา ความยาว สภาพน้ำ รวมถึงลักษณะการใช้งาน คลิ๊กเพื่ออ่านบทความ 3 ประเภทบอร์ด เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

2. SUP Fin : ฟินของ SUP Board

Fin หรือหางเสือของบอร์ด มีความสำคัญในการควบคุมทิศทางให้บอร์ดเคลื่อนที่ได้ตรงและมีความเสถียร และช่วยให้คุณทรงตัวบนบอร์ดได้อย่างมั่นคง ในทางกลับกันถ้าไม่มีฟิน SUP ของคุณจะสบัดไปสบัดมาในน้ำ ยากต่อการควบคุม เพิ่มความเสี่ยงในการตกบอร์ด

แม้ว่าฟินจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่แถมมากับบอร์ดอยู่แล้ว แต่เมื่อพิจารณาดูอย่างจริงจังจะรู้ได้ว่า ทั้งรูปร่างของฟิน ขนาดของฟิน ลักษณะการติดตั้ง และจำนวนฟินบนบอร์ด ต่างส่งผลต่อสมรรถภาพของบอร์ดทั้งสิ้น

สนใจอ่านบทความเกี่ยวกับฟินเพิ่มเติม: พาย SUP ตำแหน่ง Fin ควรอยู่ตรงไหน?

3. ไม้พาย SUP

1. ไม้พายแบบ Fixed : ปรับระยะไม่ได้ ต้องวัดระยะด้ามพายให้ได้ความยาวพอดี ซึ่งจะให้เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ดีกว่า
2. ไม้พายแบบ Adjusted : ปรับระยะได้ สามารถยืด-หดด้ามพายได้ เหมาะสำหรับการใช้งานหลายคน

• ใบพายที่มีขนาดใบพายค่อนข้างใหญ่ จะมีพื้นที่ ‘กินน้ำ’ หรือสัมผัสน้ำได้มาก ทำให้การพายต่อหนึ่ง Stroke ช่วยให้บอร์ดไหลได้ดี แต่ต้องแลกด้วยการออกแรงคนที่มากเช่นกัน จึงเหมาะกับการพายเที่ยว พายแบบไม่เร่งรีบ
• ใบพายที่ขนาดใบพายเล็ก มีเนื้อที่ใบพายค่อนข้างน้อย จะมีพื้นที่ ‘กินน้ำ’ น้อย หรือการสัมผัสน้ำน้อย จึงออกแรงพายต่อหนึ่ง Stroke ไม่มาก ทำให้พายได้หลายครั้งอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง เหมาะกับการพายแข่งขันความเร็วที่จะต้องจ้วงพายถี่ๆ เร็วๆ เป็นต้น

4. สาย Leash

• สาย Leash แบบขดจะเหมาะกับการพายในน้ำเรียบหรือน้ำที่มีคลื่นเล็กๆ เท่านั้น เช่น บึง คลอง แม่น้ำ ฯลฯ เพราะมีความยืดหยุ่น ทำให้เคลื่อนที่บนบอร์ดได้สะดวก แต่หากนำไปใช้ในทะเลที่มีคลื่นลมแรง เมื่อตกบอร์ดลักษณะสายที่คล้ายสปริงจะดึงบอร์ดกลับมาอย่างแรง อาจทำให้เกิดอันตรายจากแรงกระแทกได้
• สาย Leash แบบตรงจะเป็นสายแบบเดียวกันกับที่นักเซิร์ฟใช้ในการโต้คลื่น เพราะไม่มีแรงสปริงดึงกลับ จึงนิยมใช้กับการพายในทะเล

5. เสื้อชูชีพ หรืออุปกรณ์ช่วยพยุงตัว PFD

1. เสื้อชูชีพแบบคลาสสิกคล้ายเสื้อกั๊ก : เสื้อชูชีพที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด แต่มีข้อเสียคืออาจเกิดการเสียดสีบริเวณสีข้างและใต้รักแร้ขณะพาย SUP ได้เนื่องจากความหนาของเสื้อชูชีพ
2. เสื้อชูชีพแบบพองลม : จะวิธีการที่หลากหลายที่ทำให้เสื้อชูชีพพองลมขึ้นมาเพื่อให้ลอยน้ำได้ โดยข้อดีของเสื้อชูชีพประเภทพองลม คือ ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ใช้งานได้ง่าย และมีความคล่องตัวเมื่อสวมใส่มากกว่า แต่มีจุดด้อยคือไม่เหมาะกับการใช้งานในบริเวณที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวหรือรุนแรง
3. เข็มขัดชูชีพแบบคาดเอว : เน้นความคล่องตัวขณะพาย เพราะรัดแค่บริเวณสะโพก จึงไม่เกิดแรงเสียดสีระหว่างพาย แต่ประสิทธิภาพในการลอยตัวจะน้อยกว่าแบบเสื้อชูชีพแบบทั่วไป โดยจะช่วยพยุงตัวขณะอยู่ในน้ำเท่านั้น

6. กระเป๋ากันน้ำ

SUP BOARD คืออะไร?

ประเภทของบอร์ด

1. บอร์ดแข็ง (Hard Board) : บอร์ดแข็งส่วนใหญ่จะมีส่วนที่เป็นโฟมอยู่ด้านในแล้วถูกหุ้มประกบด้วยไม้หรือคาร์บอนไฟเบอร์ บอร์ดแข็งมักจะมีสัดส่วนที่ถูกออกแบบมาให้แต่ละจุดของบอร์ดมี Volume ที่แตกต่างกันซึ่งช่วยความเสถียรให้กับการพายได้อย่างดี
2. บอร์ดสูบลม (Air Board) : บอร์ดสูบลมเป็นที่นิยมในหมู่คนชื่นชอบการท่องเที่ยว เพราะพกพาสะดวก

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ SUP Board

• การพายเรือแบบยืน
• มีบอร์ดที่หลากหลาย เพื่อให้ใช้ได้กับทุกสถานการณ์
• มือใหม่สามารถเริ่มต้นได้ง่าย
• สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย

SUP กับ Surf ต่างกันอย่างไร

SUP Board

Surf Board

แผ่น Surf จะมีขนาดเล็กกว่า SUP รวมถึงวิธีการเล่นก็มีความต่างอย่างสิ้นเชิง แผ่น Surf จะมีขนาดที่เล็กอย่างชัดเจน และมี Volume ที่น้อยกว่า ต้องใช้คลื่นในการเล่น ไม่สามารถยืนทรงตัวในน้ำนิ่งได้เหมือน SUP เนื่องจากรองรับน้ำหนักได้น้อย จึงต้องใช้คลื่นที่มีพลังส่งให้แผ่น Surf ไหลไปกับคลื่น

แผ่น SUP มีขนาดที่ใหญ่กว่าตั้งแต่ 9 ฟุตขึ้นไป และมี Volume ที่มากกว่า รองรับน้ำหนักได้มากกว่า สามารถเล่นได้ทั้งน้ำนิ่งและคลื่น วิธีการเล่นจะต้องใช้ไม้พายในการพายเหมือนเรือ และยืนพายบน SUP สามารถนำไปพายโต้คลื่นได้ และพายในน้ำนิ่งได้

ข้อดีของการเล่น SUP Board

1. SUP board ใช้งานได้อย่างหลากหลาย

2. SUP board กับประโยชน์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย

3. SUP board เรียนรู้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

5 ปัจจัย ในการเลือกซื้อบอร์ดให้เหมาะกับการให้บริการลูกค้า

1. ความสวยงาม
2. ไซส์บอร์ดที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น
3. ความปลอดภัย
4. ความทนทาน
5. การบริการหลังการขาย

ความสวยงาม

ไซส์บอร์ดที่เหมาะกับผู้เริ่มต้น

ความปลอดภัย

ความทนทาน

การบริการหลังการขาย

บอร์ดแข็ง 5 รุ่นที่เหมาะกับการให้บริการลูกค้า

• NSP Hit
• NSP Voyagar
• SUNS Origin
• AZTRON Callisto
• AZTRON Jupit

แล้วบอร์ดที่ทรงตัวง่ายและเหมาะกับการให้บริการลูกค้าควรมีลักษณะอย่างไร?

บอร์ดทรง All-round

บอร์ดทรง All-round เป็นบอร์ดที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากที่สุด เพราะมีความกว้าง และรูปทรงของบอร์ดที่โค้งมน ทำให้ยืนง่าย ทรงตัวง่าย บอร์ดมีความเสถียรและคล่องตัวสูง ช่วยให้ลูกค้าพายสนุก ไม่ต้องกังวลว่าจะตกบอร์ด

เทคโนโลยี Soft-top

บอร์ดทรง All-round แบบ Soft Top ที่ปูด้วย Full EVA Deck นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าทรงตัวได้ง่ายแล้ว ยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย เพราะช่วยกันลื่นและกันกระแทก ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุต่อร่างกายเมื่อลูกค้าล้มหรือตกบอร์ด

ขนาด และ Volume

ขนาดตั้งแต่ 10 ฟุตขึ้นไป และ Volume แนะนำต้อง 170 ขึ้นไปถึงจะเหมาะ หาก volume ต่ำบอร์ดจะรับน้ำหนักได้น้อย ทำให้ทรงตัวยาก บอร์ดจมน้ำเยอะ และพายตื้อไม่ไหล ส่วนความกว้างจะต้องมากกว่า 32 นิ้ว ถึงจะเหมาะกับผู้เริ่มต้นทำให้ทรงตัวง่าย

แนะนำบอร์ด SUP 3 รุ่น ที่ทรงตัวง่ายสำหรับมือใหม่

1. NSP HIT
2. NSP VOYAGER
3. SUNS ORIGIN

และนี่คือบอร์ด SUP ที่ทรงตัวง่ายทั้ง 3 รุ่น ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ ทั้ง NSP HIT ผลิตจาก Epoxy, NSP VOYAGER ผลิตจากพลาสติก, และ SUNS ORIGIN ผลิตจาก Epoxy ซึ่งทำให้บอร์ดทั้ง 3 รุ่น แข็งแรงทนทาน รองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ทนทานต่อความร้อน ไม่แตกง่าย และทำความสะอาดง่าย

สำหรับใครที่อยากได้ SUP Board สามารถดูสไตล์ที่ชอบได้ใน sportallaround และหากคุณมีข้อสงสัยสามารถติดต่อเรามาได้ที่ Sport All Around | Bangkok เรามีผู้มีประสบการณ์การพาย SUP มาอย่างยาวนานพร้อมให้คำปรึกษาแนะนำกับคุณ

คายัคทั่วไปและคายัคใสมอบประสบการณ์ความงามที่แตกต่างกัน

เรือคายัคใสและเรือคายัคทั่วไปให้ความรู้สึกปลอดภัยที่แตกต่างกัน

ความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

การใช้งานเรือคายัคใสและเรือคายัคทั่วไป

• ที่นั่ง – คายัคทั่วไป : มีทั้งแบบ 1 และ 2+1 ที่นั่ง ให้คุณได้เลือกใช้งาน มีที่เก็บของหลายจุด พร้อมสายรัดอเนกประสงค์ – คายัคใส : เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งสามารถปรับระดับได้ นั่งสะบาย รวมถึงสามารถถอดที่นั่งออกเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีกด้วย
• ความเสถียร ความเสถียรจะขึ้นอยู่กับความกว้างและน้ำหนักของเรือคายัค หากเรือมีความกว้างและน้ำหนักมาก ตัวเรือจะมีความเสถียรสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการพลิกคว่ำได้ ตัวเรือคายัคใสมีน้ำหนักเบา แต่ตัวเรือกว้างมาก ทำให้มีความเสถียรอยู่ในระดับที่ดีกว่าเรือคายัคทั่วไปแบบ 1 ที่นั่ง แต่ความเสถียรจะไม่สูงเท่าเรือคายัคทั่วไปแบบ 2+1 ที่นั่ง
• การควบคุมทิศทาง คายัคทั่วไปจะควบคุมทิศทางได้ดีกว่าเรือคายัคใส เพราะท้องเรือที่ร่องจะช่วยให้ควบคุมทิศทางได้ดีกว่าท้องเรือที่เรียบ ความยาวของเรือก็จะส่งผลต่อการพาย เรือคายัคที่สั้นก็จะมีความคล่องตัวกว่า เลี้ยวหรือกลับตัวได้ง่ายกว่า ในขณะเดียวกันเรือคายัคที่ยาว ก็จะควบคุมทิศทางได้ง่ายกว่า ควบคุมเรือให้ไหลตรงไปข้างหน้าได้ง่ายกว่า และทำความเร็วในทางตรงได้อย่างยอดเยี่ยม

การดูแลรักษาเรือคายัคใสและเรือคายัคทั่วไป

• คายัคใสต้องระวังรอยขีดข่วน และการกระแทก เพราะจะส่งผลให้ตัวเรือขุ่น และเสื่อมสถาพได้
• คายัคทั่วไปจะทนต่อแรงการแทกและไม่ต้องระวังการขีดข่วน แต่ต้องระวังไม่ให้สีซีดจางที่จะทำให้เรือคายัคดูทรุดโทรมได้

1. ทำให้เรือคายัคแห้งสนิทหลังการใช้งาน หลังจากใช้งานเรือคายัคเสร็จแล้วต้องดูแลให้ตัวเรือและอุปกรณ์ต่างๆให้แห้งสนิท สามารถทำได้ทั้งการเช็ด หรือใช้การเป่าลม แต่ห้ามน้ำเรือคายัคไปตากแดด เพราะจะส่งผลให้วัสดุเสื่อมสภาพและสีสันของเรือจะซีดจางลงได้ไวขึ้น
2. การดูแลซ่อมแซม เก็บรักษา ตรวจเช็กอุปกรณ์ทุกครั้งทั้งหลังและก่อนใช้งานว่ามีชิ้นใดชำรุดหรือต้องซ่อมแซมอย่างไรบ้าง และควรแยกอุปกรณ์สำคัญต่างๆเช่น อุปกรณ์ที่เป็นยาง แหวน ปะเก็น ไว้ในพื้นที่ที่ไม่มีความชื้น และควรหมั่นฉีดน้ำยากันสนิมบ่อยๆ
3. สถานที่ในการเก็บรักษา ควรเก็บเรือคายัคและอุปกรณ์ต่างๆไว้ในสถานที่ที่ไม่มีความชื้นและมีอากาศถ่ายเทสะดวก และควรเช็กให้ดีว่าไม่มีสัตว์เข้าไปได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เรือคายัคชำรุดเสียหายหรือมีตำหนิ ควรหาพื้นที่สำหรับแขวนเรือคายัคโดยเฉพาะ เพื่อให้เรือคายัคลอยสูงเหนือพื้น

เรือคายัคใสและเรือคายัคทั่วไปกับความชอบส่วนบุคคล

สนใจเข้ามาดูสินค้าจริงได้ที่ บริษัท กลอรี่ เอ็ม จำกัด ถนนพระราม 2 ซอย 51

ขนาดของเรือคายัค

คายัค 1 ที่นั่ง

• กว้าง 84 เซนติเมตร
• ยาว 270 เซนติเมตร
• สูง 40 เซนติเมตร (น้ำเข้าเรือยากกว่า)
• หนัก 24 กิโลกรัม

คายัค 2+1 ที่นั่ง

• กว้าง 91 เซนติเมตร
• ยาว 360 เซนติเมตร
• สูง 32 เซนติเมตร (ปีนขึ้นเรือง่ายกว่า)
• หนัก 34 กิโลกรัม

ความเสถียรของเรือคายัค

ที่นั่งของเรือคายัค

• เรือคายัค 1 ที่นั่ง มี 1 ที่นั่ง แต่สามารถนั่งได้สูงสุด 2 คน หากน้ำหนักบนเรือไม่เกิน 150 กิโลกรัม
• เรือคายัค 2+1 ที่นั่ง มี 2 ที่นั่งหลัก และ 1 ที่นั่งเสริม เหมาะสำหรับเป็นที่นั่งเด็กๆ รวมทั้งหมดเป็น 3 ที่นั่ง โดยตัวเรือรองรับน้ำหนักได้ถึง 230 กิโลกรัม

พื้นที่เก็บของของเรือคายัค

คายัค 1 ที่นั่ง

1. ช่องเก็บของบริเวณหัวเรือ
2. ช่องเก็บของบริเวณกลางลำเรือ ใกล้ที่นั่ง หยิบจับง่าย
3. ช่องเก็บของท้ายเรือพร้อมสายรัดอเนกประสงค์
4. ช่องวางแก้วน้ำ 1 จุด

คายัค 2+1 ที่นั่ง

1. ช่องเก็บของบริเวณหัวเรือพร้อมสายรัดอเนกประสงค์
2. ช่องเก็บของบริเวณกลางลำเรือ 2 จุด ใกล้ที่นั่ง หยิบจับง่าย
3. ช่องเก็บของท้ายเรือพร้อมสายรัดอเนกประสงค์
4. ช่องวางแก้วน้ำ 2 จุด

เรือคายัคกับการใช้งาน

• เรือคายัค 1 ที่นั่ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพายชิวๆ คนเดียว หรือพายเป็นกลุ่มแบบแยกลำ
• เรือคายัค 2+1 ที่นั่ง เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมครอบครัว พายเล่นหรือออกทริปกับเพื่อนหรือคนรัก

ราคาของเรือคายัค

• เรือคายัค 1 ที่นั่ง ราคาเพียง 8,900 บาท พร้อมแถมฟรี ไม้พายคายัค 1 ด้าม และ เสื้อชูชีพ 1 ตัว
• เรือคายัค 2+1 ที่นั่ง ราคาเริ่มต้น 12,900 บาท พิเศษสุดๆ จ่ายเพิ่มเพียง 3,000 บาท รับเลยทันที ไม้พายคายัค 2 ด้าม และ เสื้อชูชีพ 2 ตัว จากราคาปกติ 3,878 บาท

สรุปจุดเด่น

คายัค 1 ที่นั่ง

1. ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
2. เคลื่อนย้ายสะดวก
3. ขอบเรือสูงทำให้น้ำเข้าเรือยาก
4. ที่เก็บของท้ายเรือกว้างขวาง

คายัค 2+1 ที่นั่ง

1. พื่นที่นั่งกว้างขวาง บรรจุของได้เยอะ
2. มีความเสถียรสูง
3. ขอบเรือต่ำ ปีนขึ้นเรือง่ายเมื่อตกน้ำ
4. ที่เก็บของหลายจุด

สนใจเข้ามาดูสินค้าจริงได้ที่ บริษัท กลอรี่ เอ็ม จำกัด ถนนพระราม 2 ซอย 51