วิธีเลือกลูกแบดสำหรับมือใหม่

การเลือกลูกแบดสำหรับมือใหม่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะลูกแบดที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนานยิ่งขึ้น เพราะว่ามีลูกแบดหลายประเภทให้เลือก ทั้งลูกแบดขนห่าน ลูกแบดขนเป็ด ลูกแบดไนลอน หรือลูกแบดไฮบริด ดังนั้นการตัดสินใจอาจทำให้คุณหนักใจ ในบทความนี้ทาง Sportallaround จึงขอนำเสนอ วิธีเลือกลูกแบดสำหรับมือใหม่

ปัจจัยในการเลือกลูกแบด

  1. ความทนทาน
    ความทนทานของลูกแบดเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเริ่มต้นเล่นกีฬาแบดมินตันสำหรับมือใหม่ ยิ่งลูกแบดใช้งานได้นานเท่าไร จำนวนลูกแบดที่เสียไปก็จะยิ่งลดลง สำหรับผู้เริ่มต้น ลูกแบดที่มีความทนทานเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะคุณจะประหยัดเงินได้มากขึ้นเมื่อเล่นแบดมินตันเพราะคุณจะไม่ต้องเปลี่ยนลูกแบดบ่อยๆ ซึ่งลูกที่มีความทนทานสูงที่สุดคือลูกแบดไนลอน รองลงมาเป็นลูกแบดไฮบริด ส่วนลูกที่มีความทนทานน้อยที่สุดคือลูกแบดขนเป็ด
  • สปีด
    สปีดหรือความเร็วของลูกแบดก็เป็นส่วนสำคัญในการเลือกลูกแบดสำหรับมือใหม่ เพราะหากเลือกลูกแบดที่มีสปีดมากไป ก็ทำให้การตีลูกยากมากขึ้น สปีดที่แนะนำสำหรับมือใหม่คือ สปีด 74 และ สปีด 75 เพราะเป็นสปีดที่เหมาะสมกับสภาพอากาศประเทศไทย ทำให้ตีได้ง่ายขึ้น ลูกไม่พุ่งเร็วจนเกินไป ทำให้มือใหม่สามารถตีลูกได้ระยะและวิถีที่แม่นยำขึ้น

    • ความเร็วระดับ 74 (Slow Speed): ระดับนี้การเคลื่อนไหวจะช้ากว่าระดับมาตรฐานของประเทศไทย เหมาะสำหรับมือใหม่ ที่ต้องการลูกที่พุ่งช้า ช่วยให้จับการเคลื่อนไหวของลูกได้ง่ายขึ้น
    • ความเร็วระดับ 75 (Slow Speed): ระดับนี้การเคลื่อนไหวเป็นระดับมาตรฐานที่ใช้ในประเทศไทย จึงเป็นระดับความเร็วที่นิยมมากที่สุด สามารถใช้ได้ตั้งแต่มือใหม่จนถึงผู้เล่นทั่วไป รวมถึงเหมาะกับการตีก๊วน
  • วิถีและความแม่นยำ
    ระยะและวิถีของลูกแบดที่แม่นยำเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาฝีมือของผู้เล่นมือใหม่ ลูกแบดไนลอนมีมีถีของลูกที่พุ่งเร็วเพราะมีน้ำหนักเบา แต่มีระยะไม่ไกล ทำให้จุดตกของลูกแบดไม่แม่นยำเหมือนลูกแบดขนสัตว์ ลูกแบดขนสัตว์มีระยะและวิถีของลูกที่แม่นยำที่สุดด้วยน้ำหนักของลูกที่ได้มาตรฐานและมีจุดศูนย์ถ่วงที่ดี ทำให้ได้ลูกพุ่งโด่งกำลังดี และมีระยะตกของลูกที่ไกลกว่าลูกไนลอน ส่วนลูกไฮบริด มีระยะและวิถีของลูกที่ค่อนข้างแม่นยำ มีจุดตกของลูกใกล้เคียงกับลูกขนสัตว์ ดูได้จากภาพแสดงระยะและวิถีของลูกแบดได้จากภาพด้านล่าง
  • ฟีลลิ่งในการตี
    ความรู้สึกในการตีก็ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกอยากฝึกฝนให้กับผู้เล่นมากขึ้น ลูกแบดขนสัตว์และลูกแบดไฮบริดให้ฟีลลิ่งในการตีที่ดีกว่าลูกแบดไนลอนอย่างชัดเจน เสียงเวลาลูกกระทบไม้ดังกว่า ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้เล่นมือโปร ที่สำคัญลูกแบดขนสัตว์และลูกแบดไฮบริดนั้นยังมีผลกระทบต่อไหล่ของผู้เล่นในระดับที่น้อยกว่าลูกแบดไนลอน ช่วยลดการบาดเจ็บต่อร่างการของผู้เล่นได้มากกว่า ทำให้การเล่นกีฬาแบดมินตันสนุกได้อย่างเต็มที่ไร้กังวล

แล้วลูกแบดแบบไหนที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่สุดล่ะ? ก็ต้องเป็นลูกแบดที่ทนทาน ตอบสนองต่อแรงได้ดี มีน้ำหนักที่เหมาะสม ให้ฟีลลิ่งในการตีที่ดี และมีระยะและวิถีของลูกแบดที่แม่นยำด้วย

เมื่อพูดถึงความทนทาน ทุกคนก็จะนึกถึงลูกแบดไนลอน แต่ถ้าพูดถึงฟีลลิ่งในการตีที่ดีที่สุดก็ต้องนึกถึงลูกแบดขนห่าน แล้วลูกแบดอะไรที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความแข็งแรงทนทานและความรู้สึกในการตีที่ดีล่ะ? คำตอบคือ ลูกแบดไฮบริดนั่นเอง

ลูกแบดที่เหมาะกับมือใหม่ที่สุด!

ลูกแบดไฮบริดเป็นลูกแบดที่ตอบโจทย์ด้านความทนทานและฟีลลิ่งในการตีที่ดี ที่ไม่ได้เหมาะสมแค่กับผู้เล่นมือใหม่เท่านั้น แต่ยังเหมาะสมกับผู้เล่นทั่วไป รวมถึงเหมาะกับการตีเป็นก๊วนอีกด้วย เพราะโครงสร้างของลูกแบดไฮบริดที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน(บางคนเรียกว่า ลูกแบด 3in1) โดยส่วนปีกทำจากขนห่านก้านสั้น ให้ฟีลลิ่งการตีที่ดี และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับส่วนปีกไม่ให้หักง่าย ส่วนก้านเป็นวัสดุไนลอน ที่มีความทนทานสูง ยืดหยุ่นดี รองรับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนหัวก๊อกเป็นแบบ Composite ทำจากไม้จริง มาตรฐานก๊อกลูกแบดที่ดีที่สุด ให้น้ำหนักในการตีที่ดี ให้เสียงเวลาตบหรือหวดดังสะใจ จุดศูนย์ถ่วงดี ทำให้ตีได้ง่าย ลูกไม่แกว่งไม่ส่าย และวิถีลูกแม่นยำกว่าเดิม เพิ่มความสนุกในการเล่นและเรียนรู้กีฬาแบดมินตันไปพร้อมๆกัน อีกทั้งยังราคาไม่แพง

ลูกแบดของ Dmantis นั้นกล้าบอกว่าเป็นลูกแบดไฮบริดที่มีประสิทธิภาพที่ดี ให้ความรู้สึกในการตียอดเยี่ยม ลูกแบดตอบสนองต่อแรงได้ดี มีระยะและวิถีของลูกที่แม่นยำ เสียงเวลาตบเวลาหวดดังได้ระดับ ที่สำคัญคือความทนทาน ถือว่าเป็นหนึ่งในลิสต์ของลูกแบดที่คุ้มค่า ราคาไม่แพง และทนทาน สำหรับมือใหม่หลายๆ คน

ทำไมลูกขนไก่ ไม่ได้ทำจากขนไก่???

ทุกวันนี้เราเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราถึงเรียกลูกแบดมินตันว่า “ลูกขนไก่” ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ทำมาจากขนไก่ด้วยซ้ำ แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกใช้ลูกขนไก่กันทั้งๆ ที่มันมีราคาสูงกว่าลูกแบดไนลอน แล้วขนอะไรดีที่สุดในการทำลูกขนไก่ ข้อดีของลูกขนไก่ คืออะไร จุดเด่นของลูกขนไก่ที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้มันคืออะไร วันนี้ Sport all around มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยมาเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของลูกขนไก่ และจุดเด่นที่หลายคนคงรู้สึกเช่นกันเวลาที่ได้หวดลูกขนไก่ในคอร์ด

Men playing badminton in Madras, British India - 1869

ประวัติของลูกขนไก่

รากเหง้าของลูกขนไก่สามารถสืบย้อนไปถึงวัฒนธรรมกรีซ จีน และอินเดียโบราณ โดยมีความเชื่อว่าลูกขนไก่มีต้นกำเนิดในประเทศอินเดียเมื่อประมาณศตวรรษที่ 16 ในสมัยนั้นเป็นเกมตีลูกขนไก่ของเด็กๆ ต่อมาในศตวรรษที่ 19 ลูกขนไก่ได้แพร่หลายไปยังประเทศอังกฤษโดยทหาร และกลายเป็นกีฬายอดนิยมในหมู่ชนชั้นสูงชาวอังกฤษ ในปี 1873 สมาคมแบดมินตันแห่งอังกฤษได้จัดตั้งขึ้นและได้กำหนดกฎกติกาสำหรับการเล่นแบดมินตันอย่างเป็นทางการ ในปี 1893 ลูกขนไก่ที่ทำจากขนห่านได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติ และได้กลายเป็นลูกขนไก่ที่ใช้ในการแข่งขันแบดมินตันอย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน

ทำไมเรียกว่าลูกขนไก่

ลูกขนไก่นั้นในการผลิตจริงๆ ไม่ได้ใช้ขนไก่ในการผลิต แต่เพราะภาษาอังฤษคำที่ใช้เรียกลูกขนไก่นี้คือคำว่า Shuttlecock โดยคำว่า “Shuttle” มาจากการสื่อถึงลักษณะการพุ่งของลูกเวลาตีกลับไปกลับมา ซึ่งคล้ายกับกระสวยของกี่ทอผ้าในศตวรรษที่ 14 ส่วนคำว่า “Cock” นั้น มาจากส่วนขนของลูกแบดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับขนของไก่ตัวผู้ ทำให้เราแปลตรงตัวกันว่า ลูกขนไก่ นั่นเอง

ส่วนการผลิตในทุกวันนี้นั้นนิยมใช้ขนเป็ดหรือขนห่าน โดยจะนำมาจากบริเวณปีกเท่านั้น ในลูกขนไก่ 1 ลูก ต้องมีขนเป็ดหรือห่าน ระหว่าง 14-16 ขน ปักอยู่ที่หัวไม้ก๊อก มาตรฐานสำหรับการผลิตลูกขนไก่ควรมีน้ำหนักอยู่ที่ 4-5.5 กรัม

แล้วขนอะไรดีที่สุด?

ชนิดของขน ลูกแบดมีทั้งขนเป็ด และขนห่าน แต่ถ้าวัดในด้านความคงทน และฟีลลิ่งการตี ก็ต้องบอกเลยว่าขนห่านดีที่สุด

ลูกแบดขนห่านเป็นลูกแบดที่ทำจากขนห่านแท้ โดยทั่วไปแล้ว ลูกแบดขนห่านจะมีราคาแพงกว่าลูกแบดไนลอน แต่ลูกแบดขนห่านก็มีคุณสมบัติที่ดีกว่าลูกแบดไนลอนหลายประการ

ข้อดีของลูกแบดขนห่าน

  1. ให้การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งหรือแนวทะแยงได้ดีกว่า
    ลูกแบดขนห่านนั้นจะมีวิถีการดิ่งของลูกที่ดีจนผู้ตีหรือคนดูสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับลูกแบดไนลอน
  2. ควบคุมวิถีของลูกได้ดังใจ
    ลูกแบดจากขนห่านนั้น ผู้ตีสามารถควบคุมความเร็ว สามารถชะลอความเร็วในการตีลูกหยอดหรือเพิ่มระดับความแรงของลูกได้โดยการเลือกตีในจุดที่กระทบหน้าไม้โดยตรง
  3. ฟีลลิ่งการตีที่ดีกว่า
    แม้ลูกแบดไนลอนจะมีความทนทานกว่าลูกแบดขนห่าน แต่ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าฟีลลิ่งที่ได้มีความแตกต่าง เสียงเวลาหวดลูกไนลอนจะไม่หนักแน่น เวลาเราจะตบลูกหรือหยอดลูกความรู้สึกก็ไม่เหมือนลูกขนแบดขนห่าน ทำให้หลายคนยอมเสียเงินเยอะกว่าเพื่อจะใช้ลูกแบดขนห่าน เพื่อให้รู้สึกสนุกกับการดวลมากขึ้น
  4. สร้างความเสียหายน้อย
    ที่สำคัญลูกแบดจากขนห่านนั้นยังมีผลกระทบต่อไหล่ของนักกีฬาในระดับที่น้อยกว่าด้วย ทำให้ลดการบาดเจ็บต่อร่างการของผู้เล่น

สรุปข้อดีของลูกขนไก่ สิ่งที่ผู้เล่นทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกัน คือ มันให้เสียงดังและรู้สึกว่าตีมันส์กว่าลูกแบดไนลอน ให้ความรู้สึกในการเล่นที่ดีกว่า เพียงแต่ข้อเสียเดียวของลูกขนไก่นั้นก็คือในเรื่องของความทนทาน บางเกมลูกขนไก่ที่ไม่ได้มาตรฐานก็ทำให้ต้องเปลี่ยนลูกบ่อย บางทีกำลังเดินเกมส์มันส์ๆ ก็ต้องหยุดเพื่อเปลี่ยนลูกกระทันหัน ลูกขนไก่ทุกวันนี้จึงแข่งกันด้านความทนทานไม่น้อยไปกว่าคุณภาพ ดังนั้นจึงมีการผลิตลูกแบดไฮบริด ที่มีจุดเด่น คือ ทนทานเหมือนลูกแบดไนลอนและให้ฟีลลิ่งในการตียอดเยี่ยมเหมือนลูกขนไก่

ลูกแบดของ Dmantis นั้นกล้าบอกว่าเป็นลูกแบดไฮบริดที่มีประสิทธิภาพที่ดี ข้อแรกคือความรู้สึกในการตียอดเยี่ยมมาก ลูกแบดตอบสนองต่อแรงได้ดี มีระยะและวิถีของลูกที่แม่นยำ เสียงเวลาตบเวลาหวดได้ระดับ ที่สำคัญคือความทนทาน ถือว่าเป็นหนึ่งในลิสต์ของลูกแบดที่คุ้มค่า ราคาไม่แพง และทนทาน

สำหรับลูกแบดของ Dmantis สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Sportallaround หรือจะดูข้อมูลเพิ่มเติมได้

ข้อดีของ “ลูกแบดไฮบริด”

คุณเคยรู้สึกเบื่อกับการใช้ลูกแบดพลาสติก(ไนลอน) ที่แม้ว่าจะทนทานแต่มีราคาสูงและมีน้ำหนักที่ไม่พอดี ตีแล้วลูกไม่พุ่ง ทำให้ตีไม่สนุก หรือคุณกำลังเซ็งกับการเสียเงินไปกับลูกแบดที่ทำจากขนเป็ดขนห่านล้วนที่ทั้งราคาแพงและพังง่ายทำให้ต้องเปลี่ยนลูกแบดบ่อยๆ ไหม? อย่างที่รู้กันดีว่าลูกแบดเป็นส่วนสำคัญในกีฬาแบดมินตัน ลูกแบดที่อยู่ในสภาพดีจะช่วยให้ตีลูกได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ แต่หากลูกแบดเกิดการชำรุดหรือพังก็จะส่งผลต่อวิถีและความเร็วของลูกแบดได้ ในบทความนี้เราจึงขอแนะนำคุณให้รู้จักกับ ข้อดีของลูกแบดไฮบริด ที่จะทำให้ทุกคนลืมปัญหาเดิมๆ เกี่ยวกับลูกแบดของคุณไปเลย

ลูกแบดไฮบริดคืออะไร

ลูกแบดไฮบริด คือลูกแบดที่ผสมผสานคุณสมบัติของลูกแบดประเภทต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ลูกแบดไฮบริดมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง ตอบโจทย์ความต้องการของนักแบดมินตันที่ต้องการลูกแบดที่ทั้งทนทานและให้ฟีลลิ่งเหมือนลูกแบดขนสัตว์ เพราะจุดเด่นของลูกแบดไฮบริด คือ มีความทนทานเหมือนลูกแบดพลาสติกแต่ให้ความรู้สึกในการตีที่ดีเหมือนลูกแบดที่เป็นขนเป็ดหรือขนห่านล้วน โดยเราจะแบ่งข้อดีของลูกแบดไฮบริดเป็น 4 ข้อหลักๆ ดังนี้

ทนทานมากกว่า

ก้านของลูกแบดไฮบริดผลิตจากวัสดุที่มีความทนทานสูงกว่าลูกแบดทั่วไปอย่างไนลอน ทำให้สามารถใช้งานได้นานกว่าลูกแบดที่ทำจากขนเป็ดและขนห่านล้วน นอกจากนี้ก้านของลูกแบดไฮบริดยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถคืนสภาพได้ดี ตัวก้านไม่หักหรือหลุดออกจากตัวลูกแบด ไม่พังหรือเสียหายง่ายๆ เมื่อลูกถูกบีบหรือถูกเหยียบ ช่วยยืดอายุการใช้งานของลูกแบดให้ใช้งานได้นาน​ โดยไม่ต้องเปลี่ยนลูกแบดบ่อยๆ

ความเสถียรสูง

จากที่ลูกแบดไฮบริดมีความคงทนสูง คืนสภาพได้ดี ตัวลูกแบดไฮบริดจึงคงรูปได้ดีกว่าลูกแบดทั่วไป ทำให้ลูกแบดมีความเสถียรสูง ไม่ส่ายไปมาขณะที่ตี ทำให้ผู้เล่นสามารถควบคุมทิศทางและความเร็วของลูกได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ลูกแบดไฮบริดมักมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าลูกแบดทั่วไป ทำให้ตีได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับนักแบดมินตันมือใหม่ที่ยังไม่มีเทคนิคการตีลูกที่ดีนัก

น้ำหนักพอดี

น้ำหนักของลูกแบดไฮบริดโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 4.74 กรัม ถึง 5.50 กรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ไม่ต่างจากลูกแบดขนสัตว์ และไม่หนักเหมือนลูกแบดไนลอน ลูกแบดไฮบริดมีหลายสปีดให้เลือกใช้ ตั้งแต่ 74 ถึง 79 ผู้เล่นสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของระดับการใช้งาน และ สภาพอากาศของแต่ละประเทศ โดยสปีดที่เหมาะสมกับการใช้ในประเทศไทยคือ สปีด 75, 76, และ 77 นอกจากนี้ส่วนจุกไม้ก๊อกยังทำจากไม้จริง ให้เสียงและความรู้สึกเหมือนกับการตีลูกแบดที่ทำจากขนสัตว์ล้วน เพิ่มความสนุกให้กับการเล่นแบดมินตันของคุณมากขึ้น

ราคาไม่แพง

ลูกแบดไฮบริดมีราคาไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับลูกแบดประเภทอื่นๆ อีกทั้งอายุการใช้งานที่มากกว่าลูกแบดทั่วไปทำให้ประหยัดงบประมาณ เพราะไม่ต้องเปลี่ยนลูกแบดบ่อยๆ เมื่อเทียบกันด้านคุณภาพและอายุการใช้งาน ก็ต้องบอกเลยว่าลูกแบดไฮบริดนั้นคุ้มค่าจริงๆ

จะเห็นว่าลูกแบดไฮบริดเป็นลูกแบดที่มีคุณสมบัติหลากหลาย เหมาะสำหรับนักแบดมินตันทุกระดับฝีมือ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นและก๊วนตีแบด เพราะตีได้ง่ายขึ้น ทนทานกว่า มีความเสถียรสูง มีน้ำหนักที่พอดี และมีราคาไม่แพง จึงเป็นลูกแบดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ใครที่กำลังมองหาลูกแบดที่คุ้มค่าคุ้มราคา มีความทนทานเหมือนลูกแบดพลาสติกแต่ให้ความรู้สึกในการตีที่ดีเหมือนลูกแบดขนสัตว์ล้วน ก็อย่าพลาดที่จะได้ลองลูกแบดไฮบริดกันนะ

สนใจสั่งซื้อลูกแบดมินตันไฮบริดกับเรา

สุดท้ายนี้ เราขอแนะนำ ลูกแบดมินตัน Dmantis ลูกแบดไฮบริด 3IN1 ลูกแบดคุณภาพสูง ทนทาน ที่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย และที่สำคัญราคาไม่แพง มี 2 รุ่น ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของคุณ คือ รุ่น D45 และ รุ่น ProPetrel777

  • D45 สปีด 75 เป็นสปีดที่เหมาะกับประเทศไทยที่สุด ตีง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ProPetrel777 สปีด 74 เป็นสปีดระดับต่ำ ให้ลูกที่มีวิถีแม่นยำกว่าสปีด 75

4 เทคนิคการพายเรือคายัค

การพายเรือคายัคเป็นกีฬาทางน้ำอันดับต้นๆ ที่คนทุกเพศทุกวัยชื่นชอบ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือนักพายเรือที่มีประสบการณ์ การเรียนรู้เทคนิคการพายเรือคายัคขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับประกันความปลอดภัยและสนุกสนานของคุณ ในบทความนี้ เราขอแนะนำ 4 เทคนิคการพายเรือคายัค เพื่อให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นพายเรือคายัคได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

1. การนั่งเหยียดขาไปกับพื้นเรือ
การเหยียดขาไปกับพื้นเรือและใช้ไม้พายเรือ สลับพาย ซ้าย-ขวา
ขาทั้งสองข้างจะเกิดการถีบสลับกับมือที่พาย การพายแบบนี้จะเกิดแรงส่ง
ทำให้การพายง่ายยิ่งขึ้น และมีความเร็วที่มากขึ้นอีกด้วย

2. การถอยหลัง
การพายถอยหลัง ให้เราจุ่มไม้พายลงน้ำจากข้างหลัง และดันพายไปด้านหน้า
สลับ ซ้าย-ขวา คู่กับการบิดเอวและลำตัว จะทำให้พายได้ง่ายขึ้นมากขึ้น

3. การเบรก
ให้เพื่อนๆ นำไม้พายจุ่มลงในน้ำด้านใดก็ได้ จุ่มค้างไว้แบบนั้น
เพียงเท่านี้เรือคายัคก็จะชะลอความเร็วลง ใช้วิธีการจุ่มใบพายสลับด้าน
หากจุ่มไม้พายค้างแค่ด้านใดด้านหนึ่ง หัวเรืออาจเลี้ยวได้

4. การเลี้ยวเรือคายัค ซ้าย-ขวา
การเลี้ยวซ้าย ให้เราใช้ไม้พายลงน้ำด้านขวา และพายด้านเดียว
ใช้วิธีกวาดไม้พายให้กว้างๆ พายแบบนี้ซ้ำๆ เรือก็จะเลี้ยวไปตามต้องการ
การเลี้ยวขวา ให้เราใช้ไม้พายลงน้ำด้านซ้าย และพายด้านเดียว
ใช้วิธีกวาดไม้พายให้กว้างๆ พายแบบนี้ซ้ำๆ เรือก็จะเลี้ยวไปตามต้องการ

ข้อควรระวัง
เพื่อความสนุกและความปลอดภัยสูงสุด การเล่นกีฬาทางน้ำควรใส่อุปกรณ์เซฟตี้อย่างเคร่งครัด สวมใส่เสื้อชูชีพ และควรตรวจเช็คอุปกรณ์ที่จะลงพายให้ดี ไม่ควรขึ้นเรือให้น้ำหนักเกินที่เรือกำหนดเพราะจะทำให้เรือจมได้ หากมีรอยแตกหรือรั่วให้เปลี่ยนไปใช้เรือลำอื่น และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโดยด่วน เพื่อปรับปรุงแก้ไขทันที

สอนขั้นตอนวิธีดูแลรักษา Trolling Motor หลังใช้งาน

การดูแลรักษา Trolling Motor หลังจากใช้งานแล้วเป็นสิ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของมันให้ยาวนานมากขึ้น นอกจากช่วยให้มอเตอร์ยังทำงานได้ดี แล้วยังช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดเหมือนใหม่ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพทุกครั้ง วันนี้ทีมงานเลยมาแนะนำ วิธีดูแล Trollig Motor หลังใช้งานเสร็จง่ายๆ เพื่อจะช่วยให้มันสามารถใช้งานได้คุ้มค่า

แบตเตอรี่ที่ใช้

Trolling Motor ที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ที่ใช้ แบตเตอรี่ต้องชาร์จไฟให้เต็ม เพราะการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดไปโดยไม่ชาร์ตนั้นจะทำให้มันมีอายุการใช้งานที่ลดลง และในกรณีที่ไม่ได้ใช้งานเราขอแนะนำให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากมอเตอร์

“ตรวจสอบบริเวณขั้วทุกครั้ง สามารถทำความสะอาดด้วยแปรงลวด ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายเรือยานยนต์ทั่วไปเลย”

ตรวจสอบใบพัดทุกครั้ง

ต่อมาที่เราต้องดูแลก็คือส่วนของใบพัดของ Trolling Motor ที่เป็นส่วนที่เกิดแรงเสียดสีอย่างมากขณะใช้งาน จึงจำเป็นต้องบำรุงรักษาอย่างดี เพราะใบพัดที่ชำรุดจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเดินเรือให้ลดลงอย่างแน่นอน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วใบพัดจะทำจากวัสดุที่ทนทาน แต่เราก็ต้องตรวจสอบให้มันมีประสิทธิภาพที่ดีอยู่เสมอ โดยส่วนใหญ่ใบพัดมักจะมีรอยขีดข่วนหลังจากใช้งานดังนั้น

“การดูแลสามารถทำได้ง่ายๆ แค่ใช้กระดาษทรายขัดถูเบา บริเวณขอบให้เรียบ เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีอยู่เสมอ”

ตรวจสอบส่วนเพลาว่ามีอะไรติดพันอยู่หรือไม่

ส่วนสุดท้ายสำหรับ วิธีดูแล Trolling Motor ก็คือส่วนเพลาที่เราอาจจะละเลยได้ง่ายๆ แต่เป็นส่วนที่ส่งผลต่อการเดินเรือตรงๆ เลย ดังนั้นหลังจากใช้งานเสร็จจึงควรตรวจสอบว่ามีเศษไม้ เศษเชือกหรือเศษเบ็ดติดอยู่หรือไม่ทุกครั้งที่ใช้งานเพราะ

“เศษไม้ เศษเชือกหรือเศษเบ็ดที่ติดพันอยู่ตรงเพลา สามารถส่งผลให้การทำงานของ Trolling Motor ติดขัดได้”

ของพวกนี้สามารถลดประสิทธิภาพการทำงานของ Trolling Motor ให้ลงอย่างมาก หลังจากการใช้งานปกติ 20 ชั่วโมงผ่านไปควรถอดใบพัดออกมาเพื่อนำเศษซากทั้งหมดออกจากมา

วิธีดูแลรักษา Trolling Motor

  1. รักษารอบการใช้งานของแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพเช่นเดิม เพื่อการใช้งานได้ยาวนานตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่ายังปกติและไม่ได้รับความเสียหาย
  2. ตรวจสอบใบพัดดูว่ามีความเสียหายหรือไม่ และขัดทำความสะอาดด้วยกระดาษทราย
  3. ตรวจสอบเพลาขอมอเตอร์ว่ามีอะไรติดอยู่หรือไม่

เป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับ วิธีดูแล Trollig Motor  ที่เราแนะนำให้ทุกคนทำตามเพื่อคุณจะสามารถใช้งาน Trollinf Motor ที่ซื้อไปได้อย่างคุ้มค่า ใช้งานได้อย่างยาวนาน ผ่อนคลายกับการตกปลาที่ชอบได้อย่างเต็มที่ โดยไม่เกิดปัญหาอื่นขึ้นมากวนใจ หรือใครที่อยากได้ Trolling Motor ตัวใหม่อยากจัดเพิ่มสามารถเลือกดู HK Motor Guide ได้ ทุกตัวนอกจากจะมีประสิทธิภาพเดินเรือได้ดี เงียบไร้เสียงรบกวนแล้ว ยังมีข้อดีในเรื่องวัสดุที่ทนทาน ใช้งานได้อย่างครอบคลุมแน่นอน ดูสินค้า Trolling Motor ได้ที่นี่ 

สิ่งที่ต้องดูก่อนซื้อ Trolling Motor Guide เลือกซื้อยังไงให้ถูกต้อง

ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่สนใจพักผ่อนใจด้วยการตกปลา พวกเราเชื่อว่าคุณต้องรู้จักอุปกรณ์สำหรับเดินเรืออย่าง Trolling Motor อย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่อยากเลือกซื้อหรือว่าเป็นคนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อสักอันที่คุ้มค่าที่สุด คุณก็ควรจะต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่ต้องพิจารณาในวิธีเลือกซื้อ Trolling Motor พื้นฐานนั้นต้องดูจากอะไรบ้าง

Trolling Motor เป็นเครื่องยนต์เดินเรือ ทำงานโดยใช้แบตเตอรี่ สำหรับคนที่ตกปลาต่างรู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ฝีมือ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นเบ็ดหรือเหยือต่างก็ส่งผลต่อคุณภาพการตกปลาของเรา แต่ถึงอย่างนั้นการที่เราสามารถเข้าถึงที่หมายให้ดีและเงียบก็เสำคัญ เพราะเป็นวิธีที่จะช่วยให้เราได้พิสูจน์ความเจ๋งของตัวเอง ดังนั้นควรที่จะใส่ใจ ให้ความสำคัญในการเลือก Trolling Motor ที่จะใช้ให้เหมาะสม

1. ขนาดของเรือและแรงขับของ Trolling Motor

ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก Trolling Motor สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนก็คือขนาดของเรือที่เราใช้เพื่อจะได้เอามาหา Trolling Motor ที่มีแรงขับเพียงพอสำหรับเรือของคุณ เพราะถ้าเลือกผิดไปใช้ Trolling Motor ที่มีแรงขับไม่พอก็ไม่ต่างอะไรจากการออกไปพายเรือแต่ไม่มีไม้พาย ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นขั้นแรกมาดูกันว่าเรือของคุณเหมาะกับ Trolling Motor ที่มีแรงขับกี่ปอนด์ โดยพิจารณาประกอบกับความยาวของเรือ ตามตารางนี้เลย

เมื่อรู้แล้วว่า วิธีเลือกซื้อ Trolling Motor อย่างแรกคืออะไรและเรือของเรานั้นเหมาะกับ Trolling Motor ที่มีแรงขับประมาณไหนก็อย่าลืมคำนวนเผื่อน้ำหนักของเรือและสัมภาระต่างๆ และจุดที่คุณไปจอดเรือเพื่อตกปลาเองก็ต้องนำมาพิจารณาด้วย ถ้าปกติคุณ ชอบการตกปลาตามทะเลสาบ หรือคลองทั่วไปที่ลมสงบก็ใช้งานตัวเครื่องยนต์ขนาดพื้นฐานได้เลย แต่ถ้าคุณชอบตกปลาบริเวณกระแสน้ำที่มีการไหล มีการเตลื่อนที่ก็ปรับขนาดของ Trolling Motor ให้มีแรงขับที่มากขึ้น เพื่อไม่มีปัญหาในการใช้งานและจะช่วยยืดระยะเวลาใช้งานได้มากขึ้น 

2. จุดติดตั้งอุปกรณ์

เมื่อได้ Trolling Motor ที่ต้องการที่ต่อมาที่ต้องพิจารณากันก็คือจุดสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ โดยปกติก็จะมี 2 ตัวเลือกได้แก่ที่บริเวณหัวเรือหรือบริเวณท้ายเรือ ถ้าคุณวางแผนจะไปตกปลาในสภาพแวดล้อมแบบที่มีคลื่น เป็นกระแสน้ำไหลหรือลมพัดแรง คุณจะต้องเลือกจุดติดตั้ง Trolling Motor ที่มีความมั่นคงแน่นหนา ถ้าเรือมีพื้นที่จำกัดคุณก็อาจจะต้องติดอุปกรณ์เสริมเพื่อยึด Trolling Motor ด้วย

3. ความยาวของคันบังคับหรือด้ามจับ

การเลือกความยาวของคันบังคับที่เหมาะสมนั้นคุณจะต้องรู้ขนาดของหัวเรือและความลึกของเรือก่อนแล้วนำความยาวที่ได้มาบวกเพิ่ม 18 นิ้วจากคันบังคับ

“ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกซื้อ Trolling Motor ที่สามารถปรับระดับความยาวได้ เพื่อจะใช้งานได้อย่างครอบคลุม ช่วยให้ Trolling Motor ลงไปลึกตามต้องการ

ทั้ง 3 ข้อนี้เป็น วิธีเลือกซื้อ Trolling Motor แบบพื้นฐาน แต่ก็ยังมีรายละเอียดของคุณภาพการใช้งานเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวกับคุณภาพการใช้งานที่ควรจะนำมาประกอบการตัดสินใจด้วย เพื่อประโยชน์สำหรับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสำหรับพกพาและความแข็งแรงทนทานของอุปกรณ์

Trolling Motor ที่ผลิตจากสแตลเลสอย่างดีก็จะมีความทนทาน มีอายุการใช้งานได้นานกว่า ไม่เกิดสนิม ใช้งานได้ทั้งน้ำจืดหรือน้ำเค็ม”

Trolling Motor จาก Motor Guide นั้นเป็นเครื่องยนต์ที่ผลิตจากวัสดุที่ได้คุณภาพ เป็นสแตนเลสที่ให้ความทนทาน ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน มีหลายขนาดให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมตั้งแต่ 32-180 ปอนด์ให้คุณเลือกใช้ได้หมดเลย ดูข้อมูลแต่ละรุ่นได้ที่ HK Motor Guige

ที่มาของลูกขนไก่ เป็นมายังไง มีข้อดีอะไรถึงชอบใช้กัน

ทุกวันนี้เราเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราถึงเรียกลูกแบดมินตันว่า ลูกขนไก่ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ทำมาจากขนไก่ด้วยซ้ำ แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกใช้ลูกขนไก่กันทั้งๆ ที่มันมีราคาสูงกว่าลูกพลาสติก ข้อดีของลูกขนไก่ คืออะไร จุดเด่นของลูกขนไก่ที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้มันคืออะไร วันนี้ Sport all around มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยมาเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของลูกขนไก่ และจุดเด่นที่หลายคนคงรู้สึกเช่นกันเวลาที่ได้หวดลูกขนไก่ในคอร์ด

ลูกแบดมินตันปกติจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ นั้นก็คือคือลูกพลาสติกและลูกขนไก่ โดยปกติสำหรับมือใหม่บางนก็จะใช้ลูกพลาสติกกันบ้างเพราะราคาที่ถูกกว่าและความทนทานที่สามารถใช้งานได้นานกว่า แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าฟีลลิ่งที่ได้มันมีความแตกต่าง เสียงเวลาหวดลูกพลาสติกอาจจะไม่เพราะ เวลาเราจะตบลูกหรือหยอดลูกความรู้สึกก็ไม่เหมือนลูกขนไก่ ทำให้หลายคนยอมเสียเงินเยอะกว่าเพื่อจะใช้ลูกขนไก่ไว้ให้รู้สึกสนุกกับการดวล

ทำไมถึงเรียกว่าลูกขนไก่

ลูกขนไก่นั้นในการผลิตจริงๆ ไม่ได้ใช้ขนไก่ในการผลิต แต่เพราะภาษาอังฤษคำที่ใช้เรียกลูกขนไก่นี้คือคำว่า Shuttle cock โดย shuttle มาจากการสื่อถึงลักษณะการพุ่งของลูกเวลาตีกลับไปกลับมา และคำว่า “cock” ก็มาจากสมัยก่อนที่จะใช้ขนบริเวณส่วนหัวของสัตว์ประเภทนกสำหรับผลิต ซึ่งเป็นวิธีการผลิตแบบดั่งเดิม

ส่วนการผลิตในทุกวันนี้นั้นนิยมใช้ขนเป็ดหรือขนห่าน โดยจะนำมาจากบริเวณปีกเท่านั้น ในลูกขนไก่ 1 ลูก ต้องมีขนไก่ระหว่าง 14-16 ขน ปักอยู่ที่หัวไม้ก๊อก มาตรฐานสำหรับการผลิตลูกขนไก่ควรมีขนาดน้ำหนัก 4-5.5 กรัม

ข้อดีของลูกขนไก่

1. ให้การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งหรือแนวทะแยงได้ดีกว่า
ลูกขนไก่นั้นจะมีวิถีการดิ่งของลูกที่ดีจนผู้ตีหรือคนดูสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับลูกพลาสติก

2. ควบคุมวิถีของลูกได้ดังใจ
ลูกแบดจากขนนกนั้น ผู้ตีสามารถควบคุมความเร็ว สามารถชะลอความเร็วในการตีลูกหยอดหรือเพิ่มระดับความแรงของลูกได้โดยการเลือกตีในจุดที่กระทบหน้าไม้โดยตรง

3. สร้างความเสียหายน้อย
ที่สำคัญลูกแบดจากขนนกนั้นยังมีผลกระทบต่อไหล่ของนักกีฬาในระดับที่น้อยกว่าด้วย

สรุปข้อดีของลูกขนไก่ นั้นสิ่งที่ผู้เล่นทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันให้เสียงมันดังดี และก็รู้สึกว่าตีมันส์กว่าลูกพลาสติก เป็นความรู้สึกในการเล่นที่ดีกว่า เพียงแต่ข้อเสียเดียวของลูกขนไก่นั้นก็คือในเรื่องของความทนทาน บางเกมลูกที่ไม่ได้มาตราานก็ต้องเปลี่ยนลู฿หก บางทีกำลังเดินเกมส์มันส์ๆ ก็ต้องหยุดเพื่อเปลี่ยนลูกกระทันหัน ดังนั้นลูกขนไก่ทุกวันนี้จึงแข่งกันด้านคาวมทนทานไม่น้อยไปกว่าคุณภาพ

ลูกแบดของ Dmantis นั้นกล้าบอกว่าเป็นลูกขนไก่ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพที่ดี ข้อแรกคือควมรู้สึกในการตียอกยเี่ยมมากลูกตอบสนองต่อแรงอย่างดี เสียงเวลาตอบ เวลาหวดได้ระดับ ที่สำคัญคือความทนทาน ถือว่าเป็หนนึ่งในลิสต์ของลูกขนไก่ที่คุ้มค่า ราคาไม่แพง และค่อนข้างทนทาน

สำหรับลูกแบดของ Dmantis สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Sportallaround หรือจะดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ 

แนะนำพื้นฐานวิธีจับการลูกแบดให้ถูกต้องท่าสวย

รู้ไหมว่าการส่งลูกให้ดีระหว่างเล่นแบดมินตันมันต้องเริ่มจากการจับลูกให้ถนัด เข้ากับมือของเราที่สุด แต่ก็จะมีท่าพื้นฐานง่ายๆ ที่เราอาจจะทำตามเพราะเห็นคนส่วนใหญ่จับแบบนั้น โดยอาจจะละเลยไปว่าท่าทางที่ถูกต้องจริงๆ มันเป็นยังไง วันนี้เราเลยถือโอกาสจะมาแนะนำเพื่อนๆ ถึงท่าทางที่ใช้สำหรับ จับลูกแบด ให้ถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพของการส่งลูก ลองปรับท่าทางเล็กๆ น้อยๆ จากเดิมที่เราอาจจะเผลอทำผิดมาโดยตลอดก็ได้

สำหรับการจับลูกแบดมินตันนั้นที่นิยมสำหรับการส่งลูกมีทั้งหมด 3 ท่าหลักๆ ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันก็จะมีการจับแบบรูปถ้วย และการจับแบบปากคีบ ที่เมื่อมองผ่านเราก็จะรู้สึกว่ามันคือท่าทางที่เรามักใช้เป็นปกติ เพียงแต่วันนี้เราจะมาดูดีเทลเล็กๆ น้อยของแต่ละท่า และปรับเปลี่ยนมันให้ถูกต้องสมบูรณ์กัน

การจับแบบแบบรูปถ้วย

การจับแบบรูปถ้วยนี้จะนิยมใช้สำหรับการส่งลูกจากหน้ามือ โดยผู้เล่นจะใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้สำหรับการประคองลูกที่บริเวณปลายลูก ส่วนนิ้วกลางให้ใช้สำหรับประคองที่ส่วนก้านของลูกแบดมินตันวางไว้ตรงบริเวณเชือกเส้นบน การจับแบบนี้จะใช้นิ้วประคองทั้งหมด 3 นิ้วเท่านั้นลักษณะของมือแบบนี้จะเหมือนกับกำลังถือถ้วยนั้นเอง

การจับแบบปากคีบที่ก้านลูกแบดมินตัน

การจับแบบปากคีบนี้จะนิยมใช้สำหรับการส่งลูกจากหลังมือ โดยการจับแบบนี้ถ้ามองดูผ่านๆจะเหมือนกับเราจับลูกขนไก่อยู่ทั้งลูก ท่านี้ผู้เล่นจะผู้เล่นใช้นิ้วโป่งและนิ้วชี้คีบที่ปลายลูกขนไก่ เหมือนใช้ทั้ง 2 นิ้วทำเป็นครีบหนีบลูกแบดมินตัน ส่วนที่อีก 3 นิ้วนั้นไม่ต้องจับลูก แค่ประคองไว้ข้างล่างในลักษณะแบบนี้เท่านั้น

การจับแบบปากตีบเฉพาะส่วนปลายเท่านั้น

สุดท้ายเป็นการจับแบบปากคีบเฉพาะส่วนปลายลูก ใช้สำหรับการส่งลูกจากหลังมือ การจับแบบนี้ผู้เล่นจะใช้นิ้วโป่งและนิ้วชี้คีบเฉพาะส่วนปลายลูกส่วนอีก 3 นิ้วที่เหลือไม่ต้องสัมผัสลูกแบดมินตันเลยใช่แค่นิ้วโป่งและนิ้วชี้เท่านั้น

แต่ถึงจะมีท่าทางในการ จับลูกแบด ที่ดีและถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องมั่วแต่เล็งท่าให้ถูกจนไม่สนุกกับการแข่งขัน ไม่ว่าจะจับลูกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความถนัดส่วนบุคคุลที่ควรฝึกฝนให้ชินและชำนาญ แต่ลูกแบดมินตันที่ได้คุณภาพ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการตี ลองใช้ลูกแบดมินตันที่ผลิตจากขนเป็นที่ได้คุณภาพอย่าง Dmantis ที่ให้วิถีของลูกที่ดี แรงส่งที่ควบคุมง่าย และยังทนทานกว่าทั่วไปถึง 3 เท่า ดูรายละเอียดสินค้า 

วิธีการดูแล SUP แบบสูบลมฉบับง่าย ๆ แบบเบื้องต้น

ซื้อ SUP มาทั้งทีก็ต้องดูแลรักษาให้ถูกวิธีกันหน่อย จะได้เป็นการยืดอายุการใช้งาน SUP คู่ใจของคุณให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น วันนี้เราเลยจะพาไปดู วิธีการดูแล SUP สูบลม ฉบับพื้นฐานง่ายๆ ที่แนะนำเลยว่าถ้าทำตามนี้ให้ได้ทุกครั้งที่พายเสร็จ ก็ช่วยให้ SUP อยู่ผจญภัยไปกับคุณได้อีกนาน

1. ล้างทำความสะอาดหลังใช้งาน

ข้อแรกง่ายมากและเป็นอะไรที่เบสิคพื้นฐาน ที่หลายคนอาจจะเผลอละเลยไม่สนใจ หรืออาจจะแบบเร็วๆไม่ใส่ใจกันได้ เราทุกคนต่างใช้ SUP อย่างเต็มที่เสมอ ในทุกที่ที่เราอยากไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม

“หลังจากการใช้งานเสร็จ อย่าลืมล้างทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อกำจัดคราบสกปรก เศษดิน ทราย ที่ติดอยู่บน SUP”

โดยวิธีการล้างที่เราแนะนำง่ายๆ คือการล้างด้วยน้ำสะอาด สามารถใช้พวกน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำสบู่อ่อนๆ บ้างเป็นบางครั้ง แต่อย่างน้อยทุกครั้งหลังจากใช้น้ำให้ล้างทำความสะอาด SUP ด้วยน้ำสะอาดเสมอ

2. ไม่ลาก SUP ไปกับพื้น

สำหรับการใช้งาน SUP แบบสูบลมนั้นส่วนใหญ่เราก็มักจะไปสูบลมในพื้นที่ที่ใกล้กับจุดลงที่สุดกันอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีปัญหา

“แต่ก็อาจจะมีบ้างเป็นบางครั้งเวลาที่เราจำเป็นต้องเคลื่อนย้าย SUP
เราอาจจะเผลอลาก SUP ไปมาโดยไม่ได้ใส่ใจ

ถ้าเป็นพื้นที่มีเศษหินหรือของมีคมต่างๆ ก็อาจจะทำให้ SUP เสื่อมสภาพได้เร็ว วิธีการดูแล SUP สูบลม พื้นฐานก็คือเวลาที่เคลื่อนย้ายบอร์ดให้ถือหิ้วปกตืจะดีที่สุด

3. ถ้าพบรอยรั่วก็อุด

ปกติแล้ววัสดุสำหรับผลิต SUP แบบสูบลมนั้นจะออกแบบมาให้มันค่อนข้างทนทานในระดับนึงอยู่แล้ว เพียงแต่อุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้

“ในเวลาที่ SUP ของคุณอาจจะไปชนกระแทกกับอะไรมาแล้วเกิดรอยรั่ว
ถ้ารู้ตำแหน่งก็ให้อุดและจัดการให้เรียบร้อย อย่าปล่อยมันทิ้งไว้”

ซึ่งโดยทั่วไปชุดอุปกรณ์สำหรับการซ่อมบำรุงจะมีอยู่ในเซ็ตอยู่แล้ว ดังนั้นอย่านำ SUP ไปใช้งานทั้งๆ ที่มีรอยรั่วที่ไม่ได้จัดการ เพราะมันอาจจะเป็นทางที่ทำให้น้ำสามารถซึมเข้าไปด้านในของ SUP ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อรา ความชื้นต่างๆ และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาได้

4. อย่านำ SUP ไปตากแดดโดยไม่ใช้งาน

สำหรับ SUP แบบสูบลมนั้นไม่ควรสูมทิ้งไว้กลางแดดโดยที่ไม่ได้เอาไปลงน้ำ เพราะอุณภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้แรงดันภายใน SUP มากขึ้นได้ ถ้าเป็น SUP ที่ไม่ได้คุณภาพก็อาจจะเกิดรอยรั่ว หรือรอยปริแตกจากแรงดันสูงๆ ภายใน

“ดังนั้นถ้าไม่ได้เอาลงไปพายในน้ำก็ไม่จำเป็นต้องสูบลมตากแดดทิ้งไว้
แต่สำหรับการใช้งานขณะพายสามารถอัดแรงดันตามที่เหมาะสมได้”

เพราะขณะที่พาย อยู่บนผิวน้ำนั้น น้ำจะช่วยลดอุณหภูมิให้กับ SUP อยู่แล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าอุณหภูมิจะสูงเกินไป

ทั้งหมดนี่คือ วิธีการดูแล SUP สูบลมฉบับง่ายๆ สั้นๆ ที่ต้องทำทุกครั้งที่ใช้งานเสร็จเพื่อ SUP ของคุณจะสามารถมีอายุการใช้งานได้นานขึ้น ไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาที่ควร และถึงแม้จะเป็นอะไรที่ง่ายๆ แต่ก็มักถูกละเลยทุกครั้ง ดังนั้นอย่าลืมดูแล SUP ทุกครั้งหลังใช้งานโดยเด็ดขาด

แนะนำ Gadget เล่นน้ำจาก Sublue มาดูว่าคุณเหมาะกับตัวไหน

อยากได้ของเล่นสำหรับกิจกรรมทางน้ำสนุกๆ สักอันแต่เลือกไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี รุ่นไหนที่จะตอบโจทย์และลงตัวกับการใช้งานและตัวตนของเรามากที่สุด ไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อผิดอีกต่อไป เพราะวันนี้ทีมงาน Sport all Around ได้ทำสรุป รีวิวสกู๊ตเตอร์ดำน้ำ Sublue แต่ละรุ่น ให้ทุกคนได้ดูเก็ทเจ็ทเล่นน้้ำจาก Sublue ให้ทุกคนดูทีละตัวเลยว่า ตันไหนมีจุดเด่นอะไร เน้นใช้งานแบบไหน ซื้อไปจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่คุ้ม

สำหรับ ตัวแรก Whiteshark MIX ตัวนี้เหมาะกับสายดำน้ำสนุก ต้องการสกู๊ตเตอร์น้ำที่ใช้งานได้ครอบคลุม ต้องการความเร็วพอประมาณ ไม่ช้า สำคัญที่สุดคือความสะดวกเวลาพกพา เพราะ สกู๊ตเตอร์ดำน้ำ Sublue รุ่น Whiteshark MIX นี้มีทุกอย่างที่คุณต้องการ เพราะใช้งานได้สนุกด้วยความเร็ว 1.5 เมตร/วินาที ช่วยให้คุณเคลื่อนที่ในน้ำได้อย่างไม่น่าเบื่อ ไม่ช้าเกินไป และไม่เร็วเกินที่จะควบคุม

“จุดเด่นคือความสะดวกเวลาพกพา ปกติของ Whiteshark Mix ที่ว่าเล็กแล้ว ตัว Floater ยังสามารถถอดออกมาได้อีก ทำให้ขนาดยิ่งกระทัดรัดมากขึ้น”

เหมาะสำหรับการพกพาที่สุด ส่วนเรื่องการพกขึ้นเครื่องบินสำหรับเอาไปใช้งานก็สามารถถือขึ้นเครื่องไปกับเราได้เลย เพราะตัวแบตเตอรี่ที่มาด้วย ไม่ได้เกินความจุมาตราฐานที่สนามบินกำหนด จึงสบายใจ พกไปด้วยได้ (โดยแบตเตอรี่ของสินค้า Sublue ทุกรุ่นเป็ยแบตเตอรี่ลิเธียมที่ได้คุณภาพ สามารถถือขึ้นเครื่องได้ทุกรุ่น รวมทั้งรุ่นอื่นๆ ด้วย)

ต่อที่ Sublue รุ่น Seabow ที่แค่เห็นตอนแรกก็รู้แล้วว่าต้องถูกใจสายซิ่งกันแน่นอน ต่อให้ยังไม่ได้ใช้งานด้วยรูปทรงและดีไซน์ก็รู้แล้วว่า มันต้องเป็นสกู๊ตเตอร์ดำน้ำที่เด่นเรื่องความเร็วแน่นอน ซึ่งเมื่อได้ลองใช้งานต้องบอกเลยว่า ไม่ทำให้สายซิ่งผิดหวังเลย

“จุดขายของรุ่นนี้ก็จะเป็นในเรื่องของความเร็วที่ไม่เป็นรองใคร สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วถึง 2 เมตร/วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมาก”

เป็นความเร็วของการเคลื่อนที่ในน้ำที่เราไม่มีทางตีขอเองได้แน่นอน แต่ถ้าใครที่ซื้อไปแล้วอยากใช้งานหลายๆ แบบหลายๆ ความเร็วก็ทำได้ เพราะ Seabow สามารถเลือกปรับความเร็วในการเคลื่อนที่ได้ถึง 3 ระดับ เอาไว้เลือกให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละรูปแบบ และจุดแข็งมาๆ อีกด้านก็จะเป็นเรื่องระยะเวลาการใช้งาน Seabow สามารถใช้งานต่อเนื่องโดยไม่พักเครื่องเลยได้ถึง 75 นาที ซึ่งเมื่อเอาไปใช้งานในความเป็นจริงนั้นก็สามารถลากยาว 3-5 ชั่วโมงตามรูปแบบการใช้งานของแต่ละคนได้เลย

ตัวสุดท้ายจาก Sublue ตัวนี้มารูปแบบที่ต่างจากตัวอื่นตรงที่ ไม่เน้นการใช้งานในรูปแบบของการดำน้ำ แต่เน้นการใช้งานที่ผิวน้ำเป็นหลัก เป็นโฟมลอยตัวในรูปแบบที่พิเศษขึ้นมาเพราะมีมอเตอร์ทำหน้ามที่ในการเคลื่อนที่มาให้ จึงเป็นตัวที่เหมาะสำหรับการซื้อนำไปให้เด็กๆ ใช้สำหรับเล่นน้ำได้อย่างดี สามาารถควบคุมได้ง่าย แม้แต่เด็กๆ ก็ใช้งานได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวล

“วัสดุของเขาค่อนข้างแข็งแรง มากับความเร็วในการเคลื่อนที่ในระดับที่กำลังดี ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กๆ ใช้งานและการควบคุมทิศทางง่าย”

แค่กดปุ่มที่ด้านหน้าทั้ง 2 ปุ่มพร้อมกัน สามารถเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาด้วยเลี้ยวจากแขนได้เลย ให้เด็กๆ ได้ใช่เพื่อพักผ่อนจากกิจกรรมที่เคร่งเครียด สนุกสนานกับการออกกำลังกาาย และได้วางมือถือมาใช้เวลากับความสนุกอื่นๆ ได้ด้วย

เลือกกันได้รึยังว่า เก็ทเจ็ทจาก SUBLUE ตัวไหนน่าจัดสำหรับคุณมากที่สุด หลังจากที่ได้ดู รีวิวสกู๊ตเตอร์ดำน้ำ Sublue แต่ละรุ่น ถ้าชอบพกพาง่ายๆ แต่คุณภาพถึงใจก็ต้องใช้ Whoteshark MIX แต่ถ้าสายดำน้ำโหด เน้ความเร็ว ใช้งานนานๆ ก็ต้องถูกใจ Seabow แน่นอน แต่ถ้าสายชอบว่ายน้ำ ให้เด็กได้ใช้เล่นน้ำ Seabow ปลอดภัย มั่นใจเล่นได้สนุกอย่างแน่นอน